สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 4)

Overlord LN Vol 09 - Chap 4 Massacre (ตอนที่ 4)

/ Overlord Light Novel Volume 09 - Chapter 4 Massacre (ตอนที่ 4)

ส่วนที่ 4 นี้คือเนื้อเรื่องของนิยายเล่มที่ 9 บทที่ 4 ตอนที่ 4 ซึ่งต่อจากตอนที่ 3 (ส่วนที่ 3) ของโพสต์ก่อนหน้าเลย

หมายเหตุ: บางเหตุการณ์อาจถูกข้ามฉากไปเมื่อทำเป็นอนิเมะ และอาจมีเนื้อเรื่องที่สปอยล์เกินตอนไป
หมายเหตุ2: เนื้อเรื่องของเล่มที่ 9 บทที่ 4 ตอนที่ 4 นี้ คาดว่าจะตรงกับเนื้อเรื่องของอนิเมะ ซีซั่น 3 ตอนที่ 12 - 13
หมายเหตุ3: ลงให้แล้วนะเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือของตอนที่ 4 ครบถ้วนสมบูรณ์

VVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVV

บทที่ 4 การสังหารหมู่


ตอนที่ 4


ท่ามกลางคลื่นที่โกลาหลของเหล่าคนวิ่งหนีที่แตกกระเจิงไปทั่วทิศทาง กาเซฟจ้องไปที่ด้านหน้าของเขา และค่อยๆดึงอาวุธ ที่เป็นสมบัติของราชอาณาจักร Razor Edge ออกมา ตราบเท่าที่เขาถือดาบที่เรืองแสงไว้ในมือ ชัยชนะของกาเซฟนั้นได้ถูกรับประกัน กล่าวอีกนัย ดาบเล่มนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ในชัยชนะของเขา

อย่างไรก็ตามวันนี้ดูเหมือนมันจะอ่อนแอและเล็กเกินไป

มันดูเล็กกระจ้อยและน่าสมเพชเมื่อเทียบกับร่างกายอันมหึมาของดาร์คยัง ที่พุ่งตรงเข้ามา

"ถ้าสูญเสียที่แห่งนี้ ค่ายหลักของพระราชาจะเป็นที่ถัดไป ผมจำเป็นต้องหยุดมันที่นี่"

ขณะที่เขาพูด กาเซฟยิ้มราวกับว่าเขากำลังยิ้มเยาะตัวเขาเอง

มันไม่มีทางที่กาเซฟจะชนะสัตว์ประหลาดนั่นได้ แม้การถ่วงเวลามันได้สักวินาที ก็คู่ควรแก่การยกย่อง (TLN: เฮ่ อดีตนักผจญภัยระดับโอริคัลคุมของเรบุน ยังถ่วงได้ตั้งสองวินาที)

แม้แต่คนที่ถูกยกย่องว่าเป็นหัวหน้านักรบของราชอาณาจักร - นักรบที่มีชื่อเสียงไปทั่วทุกประเทศ - สามารถทำได้เพียงเท่านั้น

"นำตัวพระองค์หนีไป ปูทางให้กับท่านด้วยชีวิตของพวกนาย"

คำสั่งนี้ถูกกระซิบ - เกือบจะเป็นการอธิษฐาน - ให้กับเหล่าลูกน้องของเขาที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เหล่าทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของราชอาณาจักรได้รออยู่ด้านหลัง (TLN: ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง) เพื่อปกป้องพระราชาของพวกเขา อย่างไรก็ตามถึงแม้พวกเขาจะรออยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำหน้าที่เป็นโล่ห์ให้กับพระราชา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดพวกนี้ แม้จะเสี่ยงชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็คงรับการโจมตีได้เพียงทีเดียวเท่านั้นจากศัตรู ก่อนที่จะถูกบดขยี้

อย่างไรก็ตามนั่นมันไม่เพียงพอ

พวกเขาจะตายหากโดนศัตรูโจมตี แต่ตราบเท่าที่พวกเขาแน่ใจว่าการโจมตีเหล่านั้นได้โจมตีใส่พวกเขา ชีวิตของพระราชาจะถูกยืดออกไปแม้จะเพียงเล็กน้อย บางทีมันอาจจะสำเร็จถ้ามีคน 80 คนที่นั่นเพื่อเป็นโล่ห์ เขาคิดในแง่ดี

"ผมต้องขอโทษ"

กาเซฟขอโทษเหล่าลูกน้องขณะที่สัตว์ประหลาดเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วอันน่าขนลุก ปั่นและกวนเลือดและเนื้อจนกระจัดกระจายด้วยความรุนแรงในทางที่มันมา เขารู้ว่าการขอโทษกับสหายที่ไม่ได้อยู่ที่นี่นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำให้ตัวของเขาเองพึงพอใจ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ต้องการที่จะตายโดยที่ไม่ได้พูดคำเหล่านี้

ขณะที่เขารู้สึกถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือนใต้เท้าของเขา กาเซฟหายใจออกมาอย่างหนักแน่น เขาจับดาบในมือของเขาอย่างแน่นหนา และยกมันขึ้น

ดาบของเขาดูไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างกายอันมหึมาที่ได้บดขยี้เหล่าผู้คนจนกลายเป็นแป้งเปียกสีแดง

ถ้าเป็นม้าลากเกวียนที่วิ่งหนี เขาสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายได้ ถ้าเป็นเสือที่ดุร้ายกระโจนเข้าใส่เขา เขาสามารถหลบการโจมตีแรกของมันและโจมตีใส่หัวของมันได้ กระนั้นการอยู่ด้านหน้าของดาร์คยัง โอกาสรอดชีวิตของเขานั้นดูต่ำมากจริงๆ

"ฮฮฮฮฮู -"

ขณะที่กาเซฟหายใจออก ทันใดนั้นการเปลี่ยนแปลงปรากฏในกระแสของผู้คนรอบๆตัวเขา จนถึงตอนนี้พวกเขาวิ่งไปทุกทิศทาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขากำลังเคลื่อนที่หลีกเลี่ยงกาเซฟ มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาสร้างทางที่เปิดโล่งระหว่างกาเซฟกับดาร์คยัง

ดาร์คยังใกล้เข้ามามากขึ้น บดขยี้เหล่ามนุษย์ด้านใต้ของกีบเท้าทุกๆก้าวที่มันก้าว

ขณะที่กาเซฟยกดาบของเขา เขาศึกษาร่างกายของมัน ที่ไหนที่เขาโจมตีจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?

เขาเปิดการใช้งานศิลปะการต่อสู้ (martial art) - 'Sense Weakness (รับรู้ถึงจุดอ่อน)'

อย่างไรก็ตาม -

"- มันไม่มีจุดอ่อน"

ไม่ว่ามันจะไม่มีจุดอ่อนจริงๆหรือไม่สามารถมองเห็นจุดอ่อนได้เนื่องจากความแตกต่างของกำลังที่ล้นหลาม กาเซฟไม่รู้

แต่เขาไม่สิ้นหวัง เขาคาดหวังว่ามันจะออกมาเช่นนี้ในท้ายที่สุด

เขาเปิดใช้งานศิลปะการต่อสู้อีกอย่าง

นี่เป็นท่าลับที่ที่คู่ควรกับการถูกเรียกว่าท่าลับอย่างแท้จริง เทคนิคที่จะเสริมการรับรู้ด้วยสัมผัสพิเศษ 'Possibility Sense'

ด้วยความแตกต่างอย่างมหาศาลในความสามารถด้านกายภาพ มันไม่สร้างความต่างถ้าเขาลดระยะหลายไมล์ลงแค่นิ้วหรือสองนิ้วจากการเสริมค่าทางภายภาพของตัวเขา ในกรณีนี้เขาตัดสินใจที่จะอาศัยอย่างอื่น - หากมันเป็นสัมผัสที่หกของเขา มันอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า

"เข้ามา เจ้าสัตว์ร้าย"

ดาร์คยังดูเหมือนได้ฟังคำท้าทายและกำหนดเส้นทางตรงมาหากาเซฟ ระยะทางระหว่างทั้งคู่ลดลงอย่างมาก

พูดความจริง (TLN: ถ้าจะว่ากันตามตรง) -

- กาเซฟกลัว

ถ้าเขาทำได้ เขาต้องการที่จะหนีไปกับเหล่าทหารรอบๆ

แม้หลังจากที่เปิดใช้งาน 'Possibility Sense' เขาก็ยังไม่มีความรู้สึกอะไร มันเหมือนกับเขากำลังถูกหุ้มโดยกำแพงแห่งความมืดที่ไม่สามารถผ่านไปได้

ขณะนี้ดาร์คยังใกล้เข้ามา เขาศึกษารูปร่างของมันอย่างละเอียด ตัดสินจากที่กีบเท้าของมันที่ยังคงไม่ได้รับความเสียหาย มันเป็นไปได้ว่าดาบปกติไม่สามารถทำอันตรายใดๆกับมันได้ จากรอยเท้าลึกที่มันประทับทิ้งไว้บนพื้นที่ที่มันได้เหยียบลงไป น้ำหนักของมันจะฆ่าทุกคนได้โดยทันที

ขณะที่เขาเข้าใจตัวสัตว์ร้ายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความกลัวของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วย

ตอนนี้กาเซฟเปิดเผยความหวาดกลัวที่รุนแรงมากกว่าเหล่าทหารที่กำลังวิ่งหนีอย่างจำใจรอบๆเขา

แต่เขาไม่สามารถหันหลังกลับได้

นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของราชอาณาจักรไม่สามารถที่จะหนีได้ เขายกเลิก 'Possibility Sense' และทำลมหายใจให้สงบ

ดาร์คยังเร่งใกล้เข้ามาอีก (TLN: หลายใกล้ละไม่ถึงซักที)

มันใกล้มากเพียงพอที่ก้อนดินที่ถูกเตะโดยกีบเท้าของมันสามารถมาถึงตัวกาเซฟได้

มันไม่สนใจเหล่าทหารรอบๆ เหมือนกับว่าเป็นแค่พวกหนอนที่กำลังคลานอยู่ และมุ่งตรงมาหากาเซฟ

หรือเปล่า

ดาร์คยังหันเหมือนมันชนเข้ากับกำแพง และวิ่งผ่านกาเซฟ เพราะมันหันเร็วเกินไป การก้าวเท้าของดาร์คยังจึงยุ่งเหยิงและถ้ามันไม่ได้มีหลายขามันคงเสียสมดุลแล้ว

ศัตรูวิ่งหนี นี่มันเป็นไปไม่ได้แม้แต่กาเซฟก็รู้

มันพิจารณาง่ายๆได้ว่ามันพบที่ๆมีเหยื่อมากกว่าและเปลี่ยนทิศทางของมันไปที่นั่น ที่ที่มันจะเหยียบย่ำเหยื่อจำนวนมากกว่าภายใต้กีบเท้าที่ละเลงไปด้วยเลือดของมัน

ดาร์คยังพุ่งผ่านกาเซฟ ทำให้โลกสั่นสะเทือนในที่ที่มันผ่าน เพราะมันแยกจากเขาประมาณหนึ่งเมตร พื้นดินใต้เท้าของเขาสั่นเหมือนแผ่นดินไหว คนอื่นๆนอกจากกาเซฟล้มลง

เขาเล็งไปที่กีบเท้ามหึมาของมันเมื่อมันวิ่งผ่าน -

"- ฮ่าา!"

กาเซฟเหวี่ยงดาบของเขา ความเร็วเท่านี้ ความเร็วของตัวศัตรูเองจะกลายเป็นอาวุธที่ฉีกตัวมันออกจากกันโดยคมดาบของเขา

ในทันที่กีบเท้าสัมผัสดาบ แรงปะทะอย่างมากเดินทางจากอาวุธเข้าสู่แขนของกาเซฟ มันทำให้เขารู้สึกว่าแขนของเขาจะหลุดออก

เท้าของเขา ที่ฝังมันอย่างมั่นคงกับพื้น เหลือเป็นร่องลึกสองรอยขณะที่เขากำลังถูกลากถอยหลัง

" Gwaaargh!"(TLN:กว๊าาาาก? เสียงใครเนี่ย)

อย่างใดก็ตามเขายังคงกำดาบในมือของเขา แต่ความเจ็บปวดได้แพร่ผ่านไปทั่วตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น ทุกส่วนของเขาบาดเจ็บจากแรงผลักดันที่เขาทนรับ

กาเซฟหายใจแรงและมองไปที่ร่างยักษ์ที่ผ่านเขาไป

ไม่ห่างจากกาเซฟ หนึ่งในดาร์คยังในที่สุดก็ได้ยืนนิ่งแทนที่จะวิ่งอย่างบ้าคลั่ง

หนึ่งในหนวดของมันได้พร่ามัว (TLN: เลือนลางจากความเร็วมาก)

ความหนาวเย็นที่ไม่ได้เกิดจากอุณหภูมิ เติมเต็มทั่วร่างกายเขา กาเซฟยกดาบเขาขึ้น

และทันใดนั้น แรงปะทะลึกลับแผ่กระจายออกจากดาบ ร่างกายของเขาลอยไปบนฟ้า

กาเซฟมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาเดาว่าเขาน่าจะถูกฟาดจากหนวดของมัน ร่างกายของเขาถูกส่งให้บินผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่ซึ่งขยายออกเหนือตัวเขา

หลังจากที่ล่องเลยไปบนอากาศด้วยระยะเวลายาวนานจนน่าประหลาดใจ ในที่สุดร่างกายของกาเซฟก็ปะทะเข้ากับพื้นดิน เขากลิ้งและกลิ้งและกลิ้ง แต่นี่ไม่ใช่การกลิ้งของศพที่ถูกขว้าง มันเป็นการเคลื่อนไหวอย่างจงใจของมนุษย์ที่พยายามจะลดพลังงานของการหมุน (TLN: ลดแรงปะทะด้วยการกลิ้งนั่นเอง)

กาเซฟลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ กระตุ้นให้ร่างกายที่สะบักสะบอมให้เคลื่อนไหว เขาจ้องมองไปที่ดาร์คยังที่อยู่ห่างออกไป

การโจมตีหนึ่งที

แขนข้างที่เขาโดนโจมตีนั้นหัก มันโชคดีทีเดียวที่ดาบของเขานั้นไม่ได้หักเหมือนกัน

อารมณ์บนใบหน้าของเขาได้หายไป

ทำไม ทำไมมันถึงเก็บเขาไว้ ทำไมมันไม่ไล่ตามเขา?

บางทีเป็นเพราะเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู่ที่คู่ควร นั่นเหมือนเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากที่สุด

เลือดสดไหลออกมาจากการที่เขากัดริมฝีปาก

หลังจากนั้น กาเซฟอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงที่เต็มตัวเขา และพุ่งเข้าใส่ด้วยพละกำลังทั้งหมด

แม้เขาไม่อาจเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แม้ว่าเขาอาจรับการโจมตีได้อีกเพียงหนึ่งครั้ง แต่กระนั้นเขาก็ต้องปกป้องพระราชาของเขา

อย่างไรก็ตาม ฝีเท้าของเขาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและการตัดสินใจสะดุดลงหลังจากที่ได้ก้าวไปหลายก้าว

เขามองไปยังดาร์คยังที่ได้เปลี่ยนทิศทางมุ่งมาที่เขา - ไม่น่าจะผิดพลาดได้ - และเขาได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังคงรอดชีวิต

บนดาร์คยัง มีใครบางคนได้นั่งอยู่บนสิ่งที่ดูเหมือนกับบัลลังก์ที่ทำจากหนวด ท่าทางที่โอ่อ่า (TLN: หรือแปลว่า ยรรยง หรูหรา สง่าผ่าเผ่ย เหมือนกษัตริย์ เหมือนราชา) เหมือนดั่งกษัตริย์ผู้ปกครอง แน่นอนว่าหน้าของเขานั้นมันผิดแปลก มันเป็นกระดูก และไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือสัตว์ประหลาดอันเดด

เขาไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่าราชาผู้นั้นคือใคร

"ท่าน . . . ไอนซ์  อูล โกน ดังนั้นจริงๆแล้วคุณไม่ใช่มนุษย์"

กองกำลังพิเศษของเทวาธิปไตย กาเซฟไม่มีความหวังในการเอาชนะพวกเขา กระนั้นพวกเขากลับถูกกวาดล้างได้อย่างง่ายดาย ไม่มีมนุษย์ที่สามารถทำอย่างนั้นได้ ทำให้เขาความตระหนักถึงสิ่งนี้ได้และง่ายที่จะยอมรับ

ใช่ ทำไมเริ่มแรกเขาถึงคิดว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะเป็นมนุษย์?

"ท่านสโตรนอฟ!"

แม้ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป เขาก็รู้ว่าเป็นใครจากเสียงที่แหบห้าวของเขา คู่หูที่คุ้นเคยวิ่งมาที่เขา

"พวกนายก็สบายดีเหมือนกัน"

ไคลม์กับเบรนไม่ได้รับบาดเจ็บ และไคลม์ไม่แม้แต่จะมีรอยเปื้อนบนเกราะสีขาวอันบริสุทธิ์ของเขา พิจารณาจากการที่ทั้งสองคนไม่ได้พยายามจะหนีทันที นั่นถือเป็นเรื่องที่โชคดีมาก (TLN: ที่รอดมาได้เพราะมีใบสั่ง :D)

"ผมดีใจที่คุณปลอดภัย!"

"ชั้นไม่คิดว่านายจะตาย และนายก็ยังไม่ตายจริงๆ อย่างไรก็ตามมันยังไม่จบ ใช่มั้ย?"

ทั้งสองคนร่วมมองไปยังที่ๆกาเซฟกำลังมองดูอยู่

"นั่นคือ . . ."

"มันเป็นได้เพียงคนเดียว ไคลม์คุง สัตว์ประหลาดที่ปกครองเหล่าสัตว์ประหลาดอื่น นั่นคือ ไอนซ์ อูล โกน"

"นั่นคือ . . . นั่นคือ . . . ผมควรจะพูดอย่างไรดี . . . ผะ ผมขอโทษ"

ทันทีที่มอง ร่างกายของไคลม์สั่น ตัวที่แข็งของเขา การแสดงสีหน้าที่ถูกแช่แข็งทรยศต่อความจริงที่ว่าเขาไม่ได้สั่นเพราะความตื่นเต้นหรือความคาดหมาย

"ไม่ต้องห่วง ไคลม์คุง มันไม่มีอะไรที่ต้องอับอาย ถ้าจะพูดให้ถูกคือมันก็ช่วยไม่ได้! บุคคลที่สามที่ความแข็งแกร่งก้าวข้ามความรู้สึกที่สมเหตุสมผลทั้งหมด! ชีวิตของชั้นเป็นอะไรไปตั้งแต่วันนั้นนะ!"

เบรนแผ่อากาศที่มุ่งร้ายเมื่อเขาตั้งท่า กาเซฟประหลาดใจกับสีหน้าของเขา ที่ผ่อนคลายและสบายๆและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์

"ผะ - ผมจะไม่วิ่งหนี"

ไคลม์กับเบรนยืนข้างกาเซฟ

ท่ามกลางชิ้นเนื้อที่บินว่อน ดาร์คยังหยุดลงต่อหน้ากาเซฟ เสียงกรีดร้องจากระยะไกลที่สะท้อนก้อง มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เงียบสงบ

มันเหมือนกับว่าพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลก

สายตาของไอนซ์มองมาที่กาเซฟ มองผ่านอย่างไม่สบายใจไปที่เบรน และหยุดที่ไคลม์ เขายักไหล่และมองกลับมาที่กาเซฟ

". . .คุณดูมีชีวิตชีวา (TLN: หรือแปลว่า แข็งแรง กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง กระปี้กระเป่า ) ทีเดียว ท่านกาเซฟ"

"ผมสามารถพูดเช่นเดียวกับคุณ ท่านโกน . . . หุหุ แต่นั่นจะเป็นปัญหาหรือเปล่า ถ้าหากจะพูดว่าคุณยังมีชีวิตชีวา? สุดท้ายแล้ว ถ้าหากคุณเลิกเป็นมนุษย์หลังจากที่พวกเราจากการเมื่อตอนนั้น มันคงหยาบคายอย่างมาก"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ ข้าไม่ได้เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อเร็วๆนี้" (TLN: คือเป็นอันเดดมานานแล้วนั่นเอง)

ไอนซ์ที่กำลังหัวเราะลอยลงมาจากด้านบนของดาร์คยัง เขาต้องใช้ผลของเวทมนตร์บางอย่าง ที่ทำให้ตัวเขาค่อยๆลอยลงมาอย่างช้าๆ ต่อต้านต่อแรงโน้มถ่วง

ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่ามันอาจเป็นคาถาที่รู้จักกันดี 'บิน' (Flight) แต่หลังจากพิจารณาความจริงที่ว่าไอนซ์ อูล โกน เป็นผู้ร่ายเวทที่ทรงพลัง เขาจึงสรุปว่ามันต้องเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าคาถานั้น แม้ว่ามันจะเหนือกว่าอย่างไรหรือเป็นคาถาประเภทไหน ตัวกาเซฟไม่รู้

"มันเป็นเวลานานมากที่ไม่ได้เจอกัน ท่านสโตรนอฟ ตั้งแต่ที่หมู่บ้านคาร์เน"

"มันจริง ท่านโกน ถ้าเช่นนั้น . . . อนุญาตให้ผมได้ถาม ทำไมคุณถึงตามหาผม? หรือว่าคุณพบกับคนที่คุ้นเคยบนสนามรบและตัดสินใจมาพบกับผม"

"ก็ดี ใช่ ข้าไม่ชอบพูดให้มันสวยหรูและคำพูดที่บิดเบือนก็ไม่เหมาะกับที่นี่ ดังนั้น . . . ข้าจะเข้าประเด็นเลย"

ไอนซ์ค่อยยกมือกระดูกของเขาช้าๆ

แทนที่จะเป็นความปรปักษ์ แต่มันเป็นท่าทางของมิตรภาพ

"มารับใช้ข้า"

ในทันใด ตาของกาเซฟเบิกกว้างเป็นวงกลม

ในขณะเดียวกัน ใครๆจะสามารถได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของเบรนกับไคลม์ที่อยู่ด้านข้างสองฝั่งของเขา

ใครจะไปคาดคิดว่าผู้ร่ายเวทที่ทรงพลังอย่างนั้นจะพูดเรื่องนี้กับเขา

"ถ้าหากเจ้ามารับใช้ข้า -"

ไอนซ์ดีดนิ้ว การที่เขาทำอย่างนั้นได้ด้วยนิ้วมือที่เป็นกระดูกนั้นยังคงเป็นปริศนา

เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างทำอะไรกับเขา ตัวของกาเซฟสั่น อย่างไรก็ตาม มันไม่มีความเปลี่ยนแปลงในจิตใจหรือร่างกายเขา เขาไม่รู้สึกอะไร

"มองดูรอบๆตัวคุณ"

กาเซฟหันสายตาเขาไปรอบๆ ทุกอย่างนั้น -

"ผมเข้าใจแล้ว พวกมันหยุดลง"

ดาร์คยังหยุดการเคลื่อนไหว เหมือนกับถูกแช่แข็งไว้ที่นั่น วิธีที่กีบเท้าของมันหยุดระหว่างการกระทืบ (TLN: หยุดกลางอากาศ) เป็นท่าทางที่คู่ควรแก่การเป็นงานประติมากรรม

"นี่เป็นการชั่วคราวเท่านั้น สิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ หากคุณปฏิเสธ ข้าจะส่งคำสั่งไปยังเหล่าแกะอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าข้าคงไม่ต้องบอกคุณว่าคำสั่งพวกนั้นคืออะไร?"

กาเซฟมองอย่างพูดอะไรไม่ออกไปที่ไอนซ์

แม้ว่าเขาจะนำตัวกาเซฟไปเป็นข้ารับใช้โดยการใช้ตัวประกัน พันธนาการนั้นจะขาดความจงรักภักดี และจะเป็นการเรียกหาการทรยศจากภายใน แน่นอนว่าไอนซ์ต้องพิจารณาเรื่องทั้งหมดนี้ก่อนจะเสนอข้อเสนอนี่

ดังนั้น มันหมายความว่ามีเหตุผลอื่นเบื้องหลังคำพูดของเขา แต่มันคืออะไร กาเซฟไม่รู้

แต่กระนั้นมันต้องมีเหตุผลว่าทำไมเขา - ผู้ที่บัญชาการกองทัพอย่างนี้ - จะค้นหากาเซฟอย่างเฉพาะเจาะจง

"ว่าอย่างไร กาเซฟ สโตรนอฟ มาเป็นข้ารับใช้ของข้า"

ไอนซ์กางมืออก

ถ้าเขารับมือนั้นเอาไว้ เขาจะสามารถช่วยได้หลายชีวิต ใจของกาเซฟลังเลอย่างยิ่ง

เขาได้รับโอกาสในการที่จะได้ช่วยหลายชีวิตของผู้คนของราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม - กาเซฟไม่สามารถรับมือนั้นไว้ได้

มันเป็นการตัดสินใจที่แย่ (TLN: หรือแปลว่า เลว ไม่ดี น่าสงสาร ต่ำต้อย)

ทางเลือกนั่นจะเพียงแค่ทำให้ตัวเขาพึงพอใจ

คนหนึ่งร้อยจากร้อยคนจะด่ากาเซฟว่าโง่เขลา ถึงกระนั้น กาเซฟก็ไม่สามารถทำอะไรที่มันเป็นการทรยศต่อราชอาณาจักรได้ กาเซฟส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น

"ผมขอปฏิเสธ ผมเป็นดาบของพระราชา และเพื่อเป้าหมายของท่าน ผมยินดีทิ้งชีวิตของผม ในจุดจุดนั้น ผมไม่สามารถที่จะประนีประนอมได้"

"แม้ว่าท้ายที่สุด ทางเลือกของคุณจะต้องจ่ายด้วยอีกหลายชีวิตที่มากขึ้น? ชายที่กล้าหาญที่เสี่ยงชีวิตเพื่อท้าทายศัตรูที่แข็งแกร่งที่หมู่บ้านคาร์เน ชายคนนี้ตอนนี้จะทิ้งชีวิตของคนอื่นที่เขาสามารถช่วยได้?"

หัวใจของกาเซฟรู้สึกเหมือนถูกกรีดด้วยมีด

แต่ถึงอย่างนั้น กาเซฟ สโตรนอฟก็ไม่สามารถรับเอามือของไอนซ์ อูล โกนได้ หัวหน้านักรบของราชอาณาจักรไม่สามารถทรยศต่อพระราชาได้

นั่นคือขนาดของความจงรักภักดีของกาเซฟ

ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นบนใบหน้าของกาเซฟที่นิ่งเงียบ แต่ไอนซ์ยักไหล่

"ช่างเป็นคนที่โง่เขลาจริงๆ ถ้าเช่นนั้น -"

กาเซฟไม่ยอมให้เขาพูดจบประโยคและหันดาบไปที่ไอนซ์

"- อะไรรึ?"

เขาบาดเจ็บจากดาร์คยัง แม้จะมีพลังจากเครื่องรางที่ช่วยฟื้นฟูบาดแผล แต่เขาก็ยังไม่ฟื้นสภาพอย่างสมบูรณ์ แต่กระนั้นถึงจะอยู่สภาพนั้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของกาเซฟก็โชติช่วงเหมือนดวงอาทิตย์

"ท่านโกน กรุณาอนุญาตให้ผมคนนี้ที่ได้รับประโยชน์จากความเมตตาของคุณในการที่จะชดเชยความหยาบคายของตัวเขา . . . ผมต้องการที่จะร้องขอให้มีการดวลกันตัวต่อตัวกับคุณ"

VVVVVVVVVV ด้านล่างนี้คือส่วนที่เพิ่มเข้ามาจากครั้งก่อน ซึ่งทำไว้ให้เห็นง่ายๆสำหรับคนที่อ่านส่วนบนที่เขียนค้างไว้ไปแล้ว

ใบหน้าของไอนซ์นั้นเป็นกระโหลกที่ไม่มีเนื้อ ด้วยเหตุนี้ใครก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาแสดงหน้าตาแบบไหนหรือมองเห็นได้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิด

อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาดูเหมือนพูดอะไรไม่ออก นั่นคือสิ่งที่คนอื่นอีกสองคนคิดขณะที่พวกเขาทบทวนสถานการณ์ตามความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะนิ่งเงียบ ความไม่สบายใจนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

". . . คุณเอาจริงอย่างนั้นรึ?"

"แน่นอน"

". . . คุณจะตาย"

"ไม่ต้องสงสัยเลยถึงเรื่องนั้น"

"ถ้าคุณรู้แล้ว ดังนั้นทำไมต้องทำเช่นนี้?  ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะฆ่าคุณแต่แรก . . . คุณต้องการที่จะฆ่าตัวตาย?"

"ไม่ ผมไม่คิดเช่นนั้น"

". . . คุณกำลังคิดอะไรอยู่? ข้าไม่สามารถเข้าใจในตรรกะของคุณได้ ถ้าคุณเชื่อว่าคุณสามารถที่จะเอาชนะได้และขอมาท้าดวล ข้าสามารถเข้าใจได้ หากคุณคิดว่ามีโอกาสที่ชนะภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ นั่นก็มีเหตุผลเช่นกัน อย่างไรก็ตามคุณเชื่ออย่างเด็ดขาดว่าคุณจะแพ้ คุณได้สูญเสียการตัดสินใจที่ดีไปแล้ว? (TLN: หรือแปลว่า คุณได้เสียสติไปแล้ว?)"

"พระราชาของศัตรูได้มาอยู่ต่อหน้าผม และเขาอยู่ภายในระยะดาบของผม ไม่ใช่ว่าเป็นธรรมดาที่จะดูว่าผมสามารถรับหัวนั้นไปได้หรือไม่เมื่อหัวนั้นมาเสนอตัวเอง? (TLN: ยื่นคอเข้าเขียงก็ขอฟันเสียหน่อย หรือไหนๆก็โผล่หน้ามาแล้วก็ขอลองดูสักตั้ง)"

"มันจริงที่ว่าระยะทางกายภาพของพวกเรานั้นใกล้กันมาก อย่างไรก็ตามข้าเห็นว่ามันมีความแตกต่างอย่างท่วมท้นระหว่างพวกเรา หรือข้าผิด?"

ด้วยเสียงที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหล่าหนวดที่ห้อยจากดาร์คยังด้านหลังของไอนซ์หวดมาด้านหน้า ก้อนดินบนพื้นกระเด็นขึ้นมาข้างตัวกาเซฟ

ตาของกาเซฟไม่สามารถมองตามหนวดที่หวดพื้นข้างๆตัวเขา

"นั่นอาจเป็นเช่นนั้น ท่านโกน"

"หรือคุณจะลองเสี่ยงโชคดูเพราะข้าได้พูดว่าข้าไม่ต้องการที่จะฆ่าคุณ?"

กาเซฟหัวเราะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

"ไม่แน่นอน ผมแค่ต้องการทำสิ่งที่ผมต้องการ ในฐานะหัวหน้านักรบของราชอาณาจักรที่ควรทำ นั่นคือทั้งหมดที่ผมกำลังคิด"

". . . ถ้าข้ายอมรับการท้าดวล คุณได้ตระหนักหรือไม่ว่าข้าจะสังหารคุณโดยที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ? (TLN: อย่างไม่ปรานี) มันเป็นสิ่งเดียวที่จะคาดหมายได้"

"มันคือสิ่งที่แน่นอน"

"ดังนั้นมันจะเป็นอย่างนั้น . . . แม้หลังจากที่ข้าพูดทั้งหมด คุณก็ยังปฏิเสธที่จะเปลี่ยนความคิด ช่างน่าเสียดาย (TLN: หรือแปลว่าน่าอายเสียจริง น่าสงสารเสียจริง) พูดในฐานะของนักสะสม มันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่จะต้องทำลายตัวอย่างที่หายาก"

กาเซฟไม่มีความตั้งใจที่จะยอมจำนน

นี่เป็นเรื่องโชคดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ เริ่มต้นด้วย ไอนซ์ที่ล้อมรอบตัวเขาด้วยเหล่าลูกน้องที่เหลือเชื่อ (TLN: หรือแปลว่า ดีมาก น่าประทับใจ น่าอัศจรรย์ พิเศษ) ในตอนนี้ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาโดยไม่มีองครักษ์

ยิ่งไปกว่านั้น ความทะนง (TLN: หรือแปลว่า หยิ่ง ยโส ภาคภูมิใจ มีทิฐิ) จากการที่เป็นผู้ที่ทรงพลัง หมายความว่าเขาจะไม่ออกคำสั่งให้ดาร์คยังด้านหลังของเขาให้ทำอะไร

เขาจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกครั้ง

ศัตรูของเขาอยู่ในจุดที่สูงเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เขามีโอกาสที่จะลดช่องว่างระหว่างพวกเขาลง

ครั้งต่อไปที่จะได้พบกัน เขาอาจล้อมรอบตัวเขาด้วยองครักษ์สิบหรือยี่สิบชั้น เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ร่ายเวทที่แย่ทางด้านการการต่อสู้ระยะใกล้ กาเซฟจะไม่มีโอกาสให้ไอนซ์อยู่ในระยะดาบของเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงท้าดวลไอซ์ให้ต่อสู้กันตัวต่อตัว

และมันมีเหตุผลอีกอย่างสำหรับการท้าดวล

ถึงแม้ว่าโอกาสของความหวังนั้นจะเล็กน้อยมากที่จะหวัง แต่กระนั้น - กาเซฟก็ประกาศการท้าดวลอย่างเป็นทางการ

"ท่านราชาผู้ร่ายเวท ไอนซ์ อูล โกน! ผมชื่อว่ากาเซฟ สโตรนอฟ หัวหน้านักรบแห่งราชอาณาจักรรี-เอสทีเซ ผมร้องขออย่างเป็นทางการในการต่อสู้ตัวต่อตัวกับคุณ!"

"หัวหน้านักรบ . . "

"กาเซฟ!"

ไม่สามารถที่จะยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เบรนร้องตะโกน แต่กาเซฟยังคงพูดต่ออย่างไม่ลังเล

"ถ้าหากคุณยอมรับได้ ท่านราชาผู้ร่ายเวท ผมขอวิงวอน ท่านจะพบว่าสองคนนี้เหมาะสมที่จะเป็นสักขีพยานสำหรับการต่อสู้ของพวกเรา"

ไอนซ์ยักไหล่

เอาเลย (TLN: หรือแปลว่าเชิญ หรืออนุญาตให้ดำเนินการต่อได้) ดูเหมือนมันจะบอกอย่างนั้น เมื่อกาเซฟตระหนักได้ เขาพยักหน้า

"เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! รอก่อน กาเซฟ! ชั้นสามารถที่จะตายไปพร้อมกับนายได้เสมอ! (TLN: ชั้นจะตายไปพร้อมกับคุณค่ะ! ไม่ใช่ละ) อย่าไปคนเดียว! ท่านลอร์ด (TLN: มาอีกแล้วมันคือ มายลอร์ด) ราชาผู้ร่ายเวท! ได้โปรด ผมอ้อนวอนท่าน! ผมรู้นี่มันไร้ยางอายเกินกว่าจะเชื่อ แต่นี่คือคำขอร้องจากใจจริง! ได้โปรดให้เราทั้งสองเผชิญหน้ากับท่าน! ผมรู้ว่านี่จะไม่สร้างความลำบากให้ท่านแม้แต่น้อย!"

เมื่อเขาได้ยินคำอ้อนวอนที่บีบคั้น กาเซฟคิดว่ามันก็เป็นตามที่คาด . . .

การแสดงออกที่เขาเห็นบนใบหน้าของเบรนนั้นเป็นของนักรบที่ยอมรับชะตากรรม

มันเป็นการตัดสินที่เขาจะถูกฆ่าไปพร้อมกันกับกาเซฟโดยไอนซ์ อูล โกน

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมรับมัน เขาไม่สามารถยอมรับมันได้

"เบรน อันกุลัส! คุณอยากมาทำให้ความเชื่อมั่นอันแรงกล้าของผมต้องแปดเปื้อนในฐานะนักรบหรือ?"

ใบหน้าของเบรนแสดงถึงความตกตะลึง

"- นั่นได้ไม่เป็นไร ท่านกาเซฟ ข้าไม่ถือที่จะจัดการคุณทั้งสองไปพร้อมกัน"

"ได้โปรดอย่า ท่านราชาผู้ร่ายเวท การต่อสู้ตัวต่อตัวนี้เกี่ยวกับตัวผม ผมวิงวอนให้ท่านไว้ชีวิตสองคนที่อยู่ที่นี่"

จุดดวงไฟสีแดงที่ลอยอยู่ในเบ้าตากระดูกของไอนซ์ส่องสว่างมากขึ้น

". . . นี่คืออะไร ข้าเคยเห็นแววตาอย่างนั้นมาก่อน ตาของชายที่ยอมรับในความตายและวิ่งเข้าหามัน ตาที่เด็ดเดี่ยว มั่นคง ช่างน่าชื่นชม (TLN: หรือแปลว่า ยกย่อง เลื่อมใส)"

ไอนซ์พูดเหมือนกับว่าเป็นมนุษย์

"นั้นก็ได้ ข้ายอมรับในข้อเสนอของคุณ ข้าจะต่อสู้ตัวต่อตัวกับท่านกาเซฟ"

เบรนล้มและคุกเข่าอย่างไร้กำลัง (TLN: หรือแปลว่า หมดแรง)

ใบหน้าของเขานั้นไม่สามารถมองเห็นได้ แต่มันมีหยดน้ำฝนพรมลงบนพื้นสีแดงเข้มเบื้องล่างของเขา (TLN: รู้ว่าร้องไห้แต่ทำไมต้องหยดน้ำฝน?)

ผมขอโทษ

กาเซฟบอกเบรนในใจของเขา

"ศพจะถูกคืนกลับไปหลังจากผ่านการเก็บรักษาที่เหมาะสม มันจะช่วยอำนวยในการใช้เวทมนตร์ชุบชีวิต -"

"- มันไม่มีความจำเป็นสำหรับเรื่องนั้น"

คำพูดของกาเซฟทิ้งให้ทั้งเพื่อนและศัตรูของเขาพูดอะไรไม่ออก

"ผมไม่ต้องการที่จะให้นำชีวิตกลับคืนมา คุณสามารถกำจัดร่างของผมที่นี่ได้ถ้าคุณต้องการ"

มันไม่ใช่ว่าเวทมนตร์ชุบชีวิตนั้นไม่ดี อย่างไรก็ตามกาเซฟไม่ชอบมัน ทุกๆคนมีเพียงหนึ่งชีวิต

มันเป็นเพราะเหตุนี้ที่การตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตนั้นมีความหมาย

และดังนั้น แม้แต่จะเพื่อราชอาณาจักรของเขา เขาก็จะไม่กลับมาจากความตาย หากกาเซฟตาย ดังนั้นพระราชาสามารถประกาศข่าวว่าท่านได้สูญเสียผู้รับใช้คนสำคัญไป วิธีนั้นบางทีเขาอาจทำให้พายุแห่งความไม่พอใจและความเกลียดชังอ่อนลงได้ ที่เกิดขึ้นจาการสูญเสียผู้คนของราชอาณาจักรเป็นจำนวมาก

นี่คือการทำหน้าที่อันจงรักภักดีสุดท้ายจากหัวหน้านักรบของราชอาณาจักร ผู้ที่ได้เลือกที่จะทำตามความเห็นแก่ตัวของตน

เมินเฉยต่อการจ้องมองที่ตกตะลึงรอบๆตัว กาเซฟยิ้มอย่างสงบ

"ถ้างั้น ให้พวกเราได้เริ่มกันเถอะ คุณทั้งสอง ผมหวังว่าคุณจะแบกรับการเป็นสักขีพยานของการต่อสู้สุดท้ายของผม"

ไคลม์ไม่เคยคิดว่าชายที่ชื่อ เบรน อันกุลัส จะแสดงด้านอ่อนโยนและเซ้นซิทีฟ (TLN: หรือแปลว่า ความอ่อนไหว ความละเอียดอ่อน ไวต่อการกระตุ้น) ให้ตัวเขาเห็น (TLN: เบรนxกาเซฟฟฟฟฟ ไม่ใช่ละ)

เขารู้ว่าเบรนนั้นแข็งแกร่ง มีชีวิตชีวา (TLN: หรือแปลว่ามุ่งมั่น กล้าหาญ สนุกสาน ร่าเริง) และเป็นอิสระ (TLN: หรือแปลว่าทำตามอำเภอใจ) อย่างไรก็ตามชายที่กำลังก้มหัวอยู่ดูไม่เหมือนอย่างนั้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเป็นอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่ได้ดูยอมจำนนหรืออ่อนแอ

"เบรน คุณจะไม่ทำหน้าที่ของคุณหรือ?"

กาเซฟพูดคำเหล่านี้โดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง

เบรนไม่ขยับ วิธีที่มือของเขาตะครุบ (TLN: หรือแปลว่าข่วน แทง ขุด ควัก จิก กำ เกาะ ยึด) ไปที่พื้นดินส่งความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมายังไคลม์ แต่กระนั้นไคลม์ก็ต้องพูดมัน

". . . นี่คือความต้องการสุดท้ายของท่านสโตรนอฟ"

เขาไม่คิดว่ากาเซฟ สโตรนอฟจะชนะได้แต่อย่างใด

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไคลม์กับเบรนต้องเติมเต็มคำขอร้องสุดท้ายของกาเซฟ อย่างช้าๆเบรนได้ลุกยืนขึ้น

มันร้อน

มันทำให้ไคลม์รู้สึกอยากวิ่งหนีไปด้วยความกลัว (TLN: วิ่งหนีหางจุกตูดนั่นเอง)

มันดูเหมือนว่ามีอากาศร้อนบางอย่างดันตัวเบรนให้ลุกขึ้น (TLN: ไม่รู้ว่าฉากนี้ต้องใส่ซาวด์เอฟเฟก บรืน ๆ ๆ ฮึ่ม ๆ ๆ มั้ย เสียงเครื่องยนต์ xD )

". . . ชั้นทำให้นายได้เห็นด้านน่าอับอายขายหน้าของชั้น ไคลม์คุง แต่มันไม่เป็นไร ชั้นจะจารึกภาพอันยิ่งใหญ่ (TLN: หรือแปลว่า ทรงเกียรติ  สง่างาม สูงศักดิ์ ชั้นสูง ประเสริฐ) ของกาเซฟด้วยตาของชั้น"

". . . ขอบคุณ"

เบรน อันกุลัสกับกาเซฟ สโตรนอฟมีความสัมพันธ์แบบใดกัน?

ไคลม์ไม่เข้าใจถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านของเบรน

หลังจากที่แพ้ให้กับกาเซฟ เขาได้เริ่มต้นออกเดินทางเพื่อทำให้ทักษะดาบของเขาก้าวหน้าขึ้น นี่เป็นเบรนที่ไคลม์รู้จัก อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย

"ดังนั้น ท่านสโตรนอฟ ให้ข้าได้ดูดาบนั่นได้หรือไม่? มันมีบางอย่างที่ข้าต้องการจะรู้"

ไอนซ์ถามถึงเหมือนเขากำลังถามเกี่ยวกับสภาพอากาศ ดาบที่เสริมพลังจะสามารถมีความสามารถใดๆก็ได้เติมเข้าไปในตัวมัน การตรวจสอบดาบเป็นเหมือนกับการเปิดเผยกลไกการทำงานของกลยุทธ์ของคนนั้น โดยสามัญสำนึกไม่มีใครที่จะยอมรับข้อเสนอนั้น

ไคลม์ไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมดวงตาของเบรนถึงเบิกกว้างที่สิ่งที่จะเกิดต่อไป

กาเซฟหันดาบ 180 องศาและยื่นด้านจับให้ไอนซ์

"กาเซฟ! นายยอมแพ้ที่จะเอาชนะโดยสมบูรณ์แล้วเหรอ?!"

"เบรน! อย่าพูดสิ่งที่น่าอับอายเช่นนี้! ราชาผู้ร่ายเวทไม่ใช่คนประเภทนั้น"

ไอนซ์ถือดาบและร่ายเวทบทหนึ่ง หลังจากนั้นเขาหัวเราะ

"เอาล่ะ ดาบเล่มนี้น่าประทับใจทีเดียว"

ไอนซ์คืนดาบให้กาเซฟด้วยด้ามดาบ วิธีเดียวกับที่มันถูกมอบให้เขา

"ท่านกาเซฟ คุณรู้ถึงพลังของดาบนี้หรือไม่?"

"ผมเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์ ดาบนี้มีความคมจนไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงได้ ที่สามารถตัดโลหะได้เหมือนตัดกระดาษ"

"น่าเสียดาย นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพลังของดาบเล่มนี้"

"- อะไรนะ มันหมายความว่าอย่างไร ท่านราชาผู้ร่ายเวท?"

"เอาล่ะ โดยสรุป ดาบเล่มนี้คืออาวุธที่สามารถฆ่าข้าได้ อะไรประมาณนี้คือเงื่อนไขขั้นต่ำอย่างแน่นอนสำหรับการต่อสู้กันตัวต่อตัว (solo PVP duel) โดยที่ไม่มีอาวุธที่สามารถทำอันตราย (TLN: หรือแปลว่าทำให้บาดเจ็บ ทำความเสียหาย) ต่อข้าได้ นี่จะไม่มีอะไรมากไปกว่าการประหารชีวิต

ต้องขอโทษด้วยที่เปรียบเทียบคุณกับพวกหนูที่เข้ามาในปราการของข้า"

ไอนซ์พึมพำขณะที่เขาดึงเอาดาบสั้นอย่างรวดเร็วที่จู่ๆออกมาจากไหนไม่รู้

โดยไม่ลังเล เขาลากคมของดาบที่งดงาม (TLN: หรือแปลว่า ดีเลิศ ไม่ธรรมดา สง่างาม หรูหรา) ผ่านใบหน้าของเขาโดยการเฉือนอย่างแรง

มันไม่ทิ้งไว้แม้แต่รอยขีดข่วน

"สิ่งเสริมพลังที่อ่อนแออย่างนี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายข้าได้ สำหรับการอ้างอิง ดาบสั้นเล่มนี้ถูกเติมด้วยข้อมูล - หรือจะพูดได้ว่ามานา - มากเท่ากับดาบที่คุณถืออยู่ ท่านสโตรนอฟ อย่างไรก็ตามดาบของคุณสามารถทำอันตรายข้าได้ in clear defiance of what I know to be true (TLN: แปะอังกฤษละกันนะ แต่เดาว่ามันแปลว่าซึ่งมันขัดอย่างเห็นได้ชัดกับเรื่องจริงที่ข้ารู้ หรือไม่ก็แปลว่า นั่นคือสิ่งที่ข้ารู้อย่างชัดเจน หรืออื่นๆ) ข้าขอดาบเล่มนั้นเป็นรางวัล (TLN: หรือของที่ระลึก) หลังจากที่ข้าชนะได้หรือไม่"

กาเซฟยิ้มบาง

"ต้องขออภัยด้วยที่ต้องปฏิเสธ แต่ดาบเล่มนี้เป็นสมบัติของชาติ"

"ฮืม สู้กันโดยที่ไม่มีการลูทของถ้าอย่างนั้น? ตกลง ข้าจะเคารพในคำขอร้องนั้น"

"ต้องขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ท่านราชาผู้ร่ายเวท"

หลังจากคืนดาบให้กับกาเซฟ ไอนซ์ลูบคางของเขาและครุ่นคิด เขาถอยหลังกลับไป ทีละก้าว ราวกับ conforming to some regulated distance between them (TLN: เดาว่า ปฏิบัติตามมาตรฐานการปรับระยะทางระหว่างพวกเขาหรือปฏิบัติตามข้อกำหนดในระยะทางมาตรฐานระหว่างพวกเขาหรือสร้างระยะห่างที่เป็นที่รู้กัน (ในการดวล) ระหว่างพวกเขา หรืออื่นๆ)

"ข้าคิดว่านี่น่าจะประมาณห้าเมตร และ . . . เพราะว่ามันไม่มีการนับถอยหลัง พวกเราต้องการสัญญาณ เจ้า ภายใต้ชุดเกราะสีขาว หาบางอย่างมาเป็นสัญญาณให้พวกเราได้เริ่ม"

ถูกเรียกชื่ออย่างกะทันหัน ไคลม์ตัวสั่น

"ไคลม์ ได้โปรด"

"ถ้าเช่นนั้น ผมมีกระดิ่งเวทมนตร์ที่นี่ ผมจะสั่นกระดิ่งและนั่นจะเป็นสัญญาณการเริ่มต้น"

ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างเงียบๆให้กับข้อเสนอของไคลม์

กาเซฟยกดาบของเขาขึ้น ชี้ไปที่ดวงตาของศัตรู พละกำลังของเขาแผ่นไปทั่วทุกๆเส้นใยในตัวเขา ในสายตาของไคลม์ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของกาเซฟ ร่างกายของกาเซฟดูเหมือนจะใหญ่โตขึ้นระหว่างที่เขากำลังมองดูอยู่

นี่เป็นออร่าของดาบที่ล้นหลาม เขาไม่เคยได้เห็นแรงกดดันที่แท้จริงของหัวหน้านักรบของราชอาณาจักรที่สามารถสำแดงได้ อย่างไรก็ตามร่างกายของกาเซฟดูเหมือนจะอยู่ห่างไกล (TLN: หรือแปลว่า ห่างเหิน ลับตา แยกกัน ไม่คุ้นเคย เหมือนฝัน) และดูจอมปลอมดั่งภาพลวงตา

"ท่านสโตรนอฟ . . ."

นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นกาเซฟมีชีวิต

"มันไม่มีอะไรรับประกัน"

"- เอ่อ?"

ทันใดนั้น เบรนประกาศการไม่ยอมรับกับไคลม์จากที่ที่เขายืนอยู่ ด้านข้างตัวเขา

"ไม่มีอะไรรับประกันว่ากาเซฟจะแพ้ ถึงโอกาสจะต่ำอย่างมากแต่มันยังมีโอกาสที่จะชนะอยู่ หมอนั่นมีท่าพิฆาตอยู่นายก็รู้? ศิลปะการต่อสู้ที่เขาใช้เป็นไพ่ตาย?"

"'Sixfold Slash of Light?'" (TLN: Sixfold=หกครั้งซ้ำๆ, Slash=ฟัน เฉือน หวด ตัด กรีด แทง, Light=แสง สว่าง อรุณ เปล่งปลั่ง ว่องไว)

เบรนยิ้มอย่างสงบ

"ไม่ มันเป็นศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงสุดที่เกินกว่านั้นไปมาก หมอนั่นได้เรียนรู้มัน"

"อะไร นั่นคืออะไรครับ?!"

ขณะที่ไคลม์เตรียมกระดิ่ง เขามองไปที่ดาบที่ถูกยกขึ้นและใบหน้าของกาเซฟ ที่เต็มไปด้วยการพุ่งสมาธิและความสนใจที่เหมือนแสงเลเซอร์ (TLN: ทำไมต้องแสงเลเซอร์ . . .)

ใบหน้าที่แข็งแรงและมุ่งมั่นของชายที่ถูกยกย่องว่าเป็นหัวหน้านักรบโดยทุกประเทศรอบๆ

"อา มันมาจากอดีตนักผจญภัยระดับอาดามันไทท์ของราชอาณาจักร มันเป็นศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นโดย Vestia Croft Di Lofan แต่เขาไม่สามารถใช้มันได้เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ถ้าท่าลับขั้นสุดยอดของชั้น 'Nail Clipper' (TLN: แปลว่า กรรไกรตัดเล็บ) คือผลที่ได้จากการใช้ศิลปะการต่อสู้หลายๆอย่างพร้อมกัน ไพ่ตายพิฆาตของกาเซฟคือเทคนิคโจมตีเดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุด ใครจะรู้ . . . การโจมตีนั่นอาจเอื้อมไปถึงไอนซ์ อูล โกนก็ได้"

บางทีนั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้ขอร้องให้ต่อสู้ตัวต่อตัว เบรนพูดระหว่างที่ตาของเขาไม่ออกจากฉากที่อยู่เบื้องหน้า

ไคลม์กลืนน้ำลาย มือที่กำลังถือกระดิ่งรู้สึกหนัก เมื่อเขาสั่นกระดิ่ง ชะตากรรมของกาเซฟจะถูกผนึก

"อยากจะเปลี่ยนตัวกับชั้นมั้ย?"

". . . ขอบคุณครับ แต่ . . . ผมจะทำมัน"

อะไรนะ เบรนพึมพำ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก

ไคลม์ยกกระดิ่งขึ้น เขาได้แต่ภาวนาให้ชัยชนะตกไปเป็นของกาเซฟ และต่อจากนั้น - เสียงดังกว่าที่คาดไว้ - กระดิ่งได้ดังขึ้น

การรับรู้ของเขาพุ่งสมาธิและความสนใจไปถึงขีดสุดอย่างสมบูรณ์ กาเซฟก้าวออกไปด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ

โดยที่ไม่พลาดแม้ช่วงเวลาเดียว เบรนกับไคลม์ลืมตาของพวกเขาและมองดู -

- และรวดเร็วกว่าพวกเขาทั้งหมด โลกก็ได้ไปสู่ความเงียบงัน

"ก็เหมือนกับที่ข้าได้พูดได้ว่า . . . มาตรการตอบโต้การหยุดเวลาเป็นสิ่งสำคัญ"

เพราะไอนซ์ได้ร่าย 'Silent Time Stop' (TLN: หยุดเวลาไร้เสียง หยุดเวลาเงียบๆ) โดยฉับพลัน กาเซฟ ดาบของเขาถูกยกสูงขึ้นและหยุดลงต่อหน้าไอนซ์

ไม่มีการโจมตีใดที่ใช้ได้ระหว่างที่เวลาถูกหยุด ถึงแม้เขาจะใช้เวทมนตร์โจมตีระดมใส่กาเซฟ แต่มันก็จะไม่ทำอันตรายต่อตัวเขา เพราะเหตุนี้ ไอนซ์จึงได้ร่ายเวทบทหนึ่งขณะที่เฝ้าติดตามเวลา

"[Delay Magic: True Death]" (TLN: เวทมนตร์หน่วงเวลา: ความตายที่แท้จริง)

นี่คือคาถาขั้นที่เก้า

เพราะ 'Grasp Heart' เป็นคาถาที่สะดวกสบายกว่า เขาจึงไม่ได้ใช้มันบ่อยนัก

เพราะไม่มีคาถาใดที่จะส่งผลกับศัตรูระหว่างที่เวลาถูกหยุด ดังนั้นทั้งหมดที่ต้องทำคือการหน่วงเวลาการเปิดใช้งานของคาถาจนถึงขณะที่ 'การหยุดเวลา' สิ้นสุดลง แม้ว่ามันจะเป็นการผสมการโจมตีแบบง่ายๆในทางทฤษฏี เคล็ดลับคือการควบคุมเวลาให้ถูกต้องแม่นยำ ที่เป็นการยากเป็นอย่างมาก เช่นนี้มีเพียง 5% ของผู้ร่ายเวททั้งหมดที่สามารถทำมันได้สำเร็จ

หลังจากที่ฝึกฝนและฝึกซ้อม ไอนซ์ก็อยู่ใน 5% เช่นกัน

". . . ลาก่อน กาเซฟ สโตรนอฟ ข้าไม่เคยเกลียดคุณเลย"

คาถาสิ้นสุดลง เวลาหวนกลับคืนสู่โลกอีกครั้ง

หลังจากนั้นทันที คาถาอีกบทก็ถูกเปิดใช้งานก่อนอย่างอื่น

- กาเซฟล้มลงอย่างช้าๆ

"เอ่อ?" (TLN: เอ๋?)

"อะ - อะไร?"

ไคลม์กับเบรนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

ในขณะที่กาเซฟได้พุ่งออกไป จู่ๆเขาก็ล้มลง ไอนซ์ก้าวออกมาและรับร่างของกาเซฟ

ดาบของเขาตกลงจากนิ้วมือที่ไร้ซึ่งกำลัง และร่วงหล่นสู่พื้น การต่อสู้ได้สิ้นสุดลง

อย่างไรก็ตามไม่มีทางที่จะสามารถเข้าใจได้  ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

"ให้ตาย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับเนี่ย . . .?"

"ชั้นจะไปรู้ได้วะ!"

เบรนส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความโกรธ

"เป็นอะไรไป? ลุกขึ้นมา! กาเซฟ!"

และต่อจากนั้นความหวังอย่างจริงจังของเบรนถูกปฏิเสธอย่างราบเรียบ

"เขาตายไปแล้ว"

ด้วยความนับถือ บางทีอาจจะเป็นความเคารพ ราชาผู้ร่ายเวทไอนซ์วางกาเซฟลงบนพื้น หลังจากนั้นเขาค่อยๆปิดตาที่เปิดกว้างของเขา

ขณะที่มองใบหน้าของกาเซฟ เขาพูดกับสองคนที่อยู่ใกล้ๆ

". . . เห็นจากการที่เขาได้มาท้าดวลโดยที่ไม่มีโอกาสชนะทำให้ข้านึกถึงเวลานั้น เพื่อเป็นเกียรติแก่หัวหน้านักรบ ข้าจะสั่งให้ดาร์คยังหยุดการโจมตี ร่างของเขาจะถูกส่งคืนให้กับพวกเจ้า"

". . . ไม่ ไม่มีความจำเป็นสำหรับเรื่องนั้น พวกเราจะนำตัวกาเซฟกลับไป ไม่จำเป็นต้องลำบากท่าน"

ไคลม์หายใจออกมาอย่างหนัก

เบรนจะไปท้าดวลกับไอนซ์ในการต่อสู้ที่ไร้ความหวังหรือเปล่า? เขาสงสัย อย่างไรก็ตามมันไม่จำเป็นสำหรับเรื่องนั้น

"อย่างนั้นหรือ"

ไอนซ์ตอบก่อนที่จะยืนขึ้น

"คาถาตายโดยทันที ที่ข้าใช้ 'True Death' จะทำให้เวทมนตร์ชุบชีวิตขั้นต่ำไม่เป็นผล บอกสิ่งนี้ให้กับคนที่ราชอาณาจักร บอกพวกเขาว่าข้าจะเมตตากับผู้ที่ยอมจำนนด้วยความเคารพยำเกรง"

ไอนซ์ลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างนุ่มนวล

แม้พวกเขาจะเห็นหลังที่ไร้การป้องกันของเขา ทั้งคู่รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถกระทำสิ่งที่น่าอับอายอย่างการโจมตีจากข้างหลัง

ไอนซ์นั่งลงบนหนวดของดาร์คยัง มันเป็นบังลังก์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

"ยอมยกเอ-รันเทลและพื้นที่รอบๆให้แก่ข้า และลูกแกะเหล่านี้จะไม่ไปเล่นซนที่เมืองหลวงของราชอาณาจักร บอกสิ่งนี้กับราชา เมื่อเจ้าพบกับเขาอีกครั้ง"

ดาร์คยังหันกลับและจากไป และดาร์คยังอีกสี่ตัวเริ่มเดินทางกลับไปที่ปราการของจักรวรรดิเช่นกัน

"ไคลม์คุง ชั้นมีเรื่องขอร้องเรื่องนึง . . . ให้ชั้นได้พาท่านกาเซฟกลับไปได้มั้ย?"

". . . ครับ ถ้าเช่นนั้นผมจะนำดาบของท่านกาเซฟกลับบ้าน"

"มีคนมากมายได้ตายลง"

"ใช่ครับ มากเกินกว่าจะนับได้"

". . . เกิดอะไรขึ้น?"

"ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากมีคนอย่างนั้นเรียกตัวเองว่า ราชาและอ้างสิทธิ์ในดินแดนนี้ . . ."

"ในอนาคต สงครามจะต้องอุบัติขึ้นอย่างแน่นอน และใครจะรู้ คนตายอาจมีมากกว่าจำนวนศพที่นี่ในวันนี้"

ระหว่างที่เดินตามหลังเบรน ผู้ที่แบกกาเซฟไว้บนหลังของเขา ไคลม์ได้คิดถึงอนาคตของราชอาณาจักร ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด (TLN: หรือแปลว่า ปัญหา เมฆ)

คำพูดของเบรนจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน อะไรคือสิ่งสำคัญที่เขาสามารถทำได้ และจากนั้น อะไรคือสิ่งที่เขาจะทำ

มากไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ

- ผมจะต้องปกป้องท่านราน่า

ไคลม์กำหมัดของเขา และเตรียมตัวเตรียมใจของเขา อย่างน้อยที่สุด เขาต้องปกป้องนายหญิงของเขา ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม

(TLN: อย่างไรก็ตามกาเซฟก็ได้ตายไปและออกไปจากเนื้อเรื่อง ถึงจะถูกกล่าวถึงภายหลังอยู่บ้างก็ตาม ชายผู้ที่ได้จงรักภักดีต่อพระราชาของเขาอย่างถึงที่สุด ชายผู้ที่มีเกียรติ ใช้ชีวิตของตนเองที่คิดว่าหนึ่งชีวิตต้องทำให้ดีที่สุดได้อย่างที่เขาคิดว่าคุ้มค่าและสามารถที่จะทำได้ ชายที่ทำหน้าที่ของหัวหน้านักรบของราชอาณาจักรรี-เอสทีเซอย่างเต็มที่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ขออาลัยแด่ชายที่เป็นมาตรฐานการกำหนดความสามารถ (เลเวล) ของโลกใหม่ในนิยายโอเวอลอร์ดไว้ ณ ที่นี่)


TLN: ถึงจะจบตอนที่ 4 ที่เป็นตอนสุดท้ายของเล่ม 9 แต่ยังไม่จบเล่มนะ
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account

Comments

  1. Thank you ขอบคุณมากๆครับ สนุกมากเลย ถ้ามีแผนจะลงพาทต่อไปผมจะรอนะครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

Popular posts from this blog

Overlord Light Novel volume 10 (นิยายเล่ม 10) - สรุปเนื้อหา

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 0 - เวอร์ชั่นบ่น)

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 2)