Overlord Anime Season 03 Episode 11 - สปอยล์เนื้อเรื่อง

หมายเหตุ: อาจมีเนื้อเรื่องย้อนกลับไปตอนเก่าบ้างเล็กน้อย บางเหตุการณ์อาจถูกข้ามฉากไปเมื่อทำเป็นอนิเมะ และอาจมีเนื้อเรื่องที่สปอยล์เกินตอนไป

สรุปคร่าวๆ
- เจ้าชายอันดับหนึ่งและกองทัพ มุ่งตรงไปที่หมู่บ้านคาร์เน เพื่อทำภารกิจที่ได้รับ
- คนในหมู่บ้านคาร์เนใช้ชีวิตกันอย่างปกติ จนกระทั่งกองทัพเจ้าชายมาถึง
- กำเนิดใหม่ ท่านแม่ทัพ 5000 ที่ความสามารถติดอันดับต้นๆของโลกใหม่
- ลูปัซเรจิน่า ได้เล่นสนุกตามประสาของเธอ

สรุปสปอยล์
คาดว่าเนื้อเรื่องยังอยู่ในนิยายเล่ม 09
ณ ป้อมทหารของจักรวรรดิ นินบูรุ อากุ เดรุ อานอกกุ (นิมเบิล อาร์ค เดล อาน็อค) ได้เข้าพบกับผู้บัญชาการกองทัพและพูดถึงเกี่ยวกับการต่อสู้ เป้าหมายคือการยึดเมืองเอ-รันเทล ให้เป็นของขวัญกระชับพันธมิตรระหว่างจักรวรรดิและไอนซ์อูลโกน จักรวรรดิยังได้ร้องขอให้ไอนซ์ร่ายเวทที่รุนแรงหนึ่งบท เพื่อจะได้ประเมินและวัดพลังของไอนซ์ กองทัพที่ป้อมได้ต้อนรับราชาผู้ร่ายเวท (ไอนซ์) อย่างสมเกียรติสูงสุด ไอนซ์ได้เปิด(วาร์ป)เกต นำกองทัพส่วนตัวมาด้วยจำนวน 500

พระราชินีอาณาจักรแดนมังกร ได้ปรึกษาปัญหากับรัฐมนตรีถึงปัญหาศัตรูกำลังรุกรานดินแดน (TLN: =n= ป้าแอ๊บแบ๊วเป็นโลลิ)

รัชทายาท เจ้าชายลำดับที่หนึ่งบาโบรได้นำกองทัพจำนวน 5000 ไปที่หมู่บ้านคาร์เน ที่ผู้ร่ายเวทไอนซ์อูลโกนเคยช่วยเอาไว้ ตามคำสั่งของพระราชา เจ้าชายโกรธและไม่พอใจมากที่ทุกคนไม่ยอมให้เขาเข้าร่วมสงคราม พอคิดถึงน้องชายก็พาลคิดไปว่าท่านพ่อ (พระราชา) จะยกบัลลังก์ให้กับน้องชาย (เจ้าชายลำดับที่สอง) เจ้าชายลำดับสองนั้นช่วงที่ปีศาจบุกเมืองหลวงเขาก็ได้ยืมกำลังส่วนหนึ่งเพื่อมาลาดตระเวนรอบๆและได้ชื่อเสียงไปมาก บาโบรเลยตัดสินใจจะทำผลงาน สร้างชื่อให้กับตัวเองบ้าง และให้คนอื่นๆรู้ว่าใครกันแน่คือรัชทายาท ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่านเพ้อไปถึงว่า มาร์ควิส (มาร์กี) ที่สนับสนุนตัวเองทรยศรึเปล่า แต่ลูกสาวของมาร์ควิสก็เป็นภรรยาของเขา จนความโกรธสั่งสม เขาสั่งหัวหน้ากองทัพว่า หลังจากทำภารกิจที่หมู่บ้านคาร์เนเสร็จ พวกเขาจะรีบกลับไปที่สนามรบ ให้เตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็ฟุ้งซ่านต่อว่าหลังจากที่ได้ขึ้นครองบัลลังก์จะเป็นอย่างไร และทำอะไรต่อไป จะฆ่าเจ้าชายลำดับสองดีหรือไม่ หรือจะให้ขุนนางประมูลตัวเจ้าหญิงทองคำ บาโบรจึงต้องรีบไปก่อนการรบจะเริ่มเพื่อทำคะแนน ไม่สิเขาคิดว่าควรจะรอให้เริ่มกันไปก่อนแล้วค่อยดักโจมตี (TLN: เข้าข้างหลังสินะ) ระหว่างกำลังคิดบาโบรก็ได้ไอเดียบรรเจิด แผนการขั้นสุดยอด! บาโบรจะใช้ชาวบ้านที่หมู่บ้านคาร์เนเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองกับไอนซ์อูลโกน แต่ถ้าใช้แผนนี้ไม่ได้ เขาก็จะบังคับเกณฑ์ชาวบ้านไปรบแทน และจะเยี่ยมมากถ้าชาวบ้านที่เกณฑ์ไปสามารถจัดการกับไอนซ์ได้ ตัวเขาเคยคิดเสมอว่าไม่เคยฉลาดเท่าน้องชาย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น นี่เป็นการค้นพบความสามารถลับของตัวเขา . . . (TLN: ฉลาดฝุดๆคุณบาโบร)

ที่หมู่บ้านคาร์เนช่วงฤดูหนาว ชาวบ้านก็ทำกิจวัตรประจำวันกันไป เน้นไปที่การดูแลสัตว์เลี้ยงกับดูแลรักษาเครื่องมือต่างๆ ที่หมู่บ้านเริ่มเลี้ยงหมูเนื่องจากประชากรหมู่บ้านเพิ่มขึ้น และจากการที่หมู่บ้านถูกโจมตีเลยได้รับการยกเว้นการเสียภาษี อนาคตที่สดใสกำลังรออยู่ ต้องขอบคุณท่านไอนซ์อูลโกนที่ได้ช่วยหมู่บ้านไว้ เอนริเปิดประตูเข้าไปในกระท่อมเล็กตามด้วย (นู เอน) ฟิเรีย เธอนั่งลงบนกองฟางและเริ่มพูดคุยกับเอนฟิเรีย และเริ่มวิตกว่าถ้าเธอปล่อยเอนฟิเรียไป ชาตินี้เธอคงไม่ได้แต่งงาน ทั้งคู่ได้ปรึกษาและคิดวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ เอนริมีแอบดมเอนฟิเรียด้วยและบอกว่ากลิ่นหอมดี (TLN: เธอหิวหรือ?) ระหว่างที่กำลังคุยกันเอนฟิเรียก็พยายามเนียนเอนตัวลงไปที่เอนริ เอนริจึงแกล้งกลับโดยการผลัก แต่เธอดันแรงเยอะ ทำให้กลายเป็นว่าตัวเธอได้ขึ้นไปคร่อมเอนฟิเรีย ทันใดนั้นก็อบลินก็เข้ามาบอกว่าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีกองทัพขนาดใหญ่กำลังมุ่งตรงมาที่หมู่บ้าน ซึ่งเป็นกองทัพของราชอาณาจักร พวกเขาสงสัยว่าทำไมถึงส่งกองทัพมาที่นี่ หรือพวกขุนนางจะก่อกบฏ พวกก็อบลินเจอกองทัพช้าเกินไป ถ้าหนีตอนนี้จะไม่สามารถขนเสบียงไปด้วยได้ และจะมีปัญหาอีกมากตามมา ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้และควรรีบเอาอาหารไปซ่อน เอนริพยายามถามคนอื่นว่าตราสัญลักษณ์ที่ธงคือ สัญลักษณ์ของใครแต่ไม่มีคนรู้จนกระทั่ง

'ผมคือทูตของรัชทายาทแห่งราชอาณาจักรรี-เอสทีเซ บาโบร อันโดเรียน เลวด์ ไรล์ ไวเซฟ! เปิดประตูและให้เราเข้าไป!'

เอนริถึงกับตื่นตระหนกและสงสัยว่ารัชทายาทมาทำอะไรที่นี่ เธอพยายามถามว่าทำไมถึงส่งกองทัพจำนวนมากมาที่หมู่บ้านชายแดน แต่กลับได้รับคำตอบว่า พวกชาวบ้านไม่จำเป็นต้องรู้ นี่เป็นดินแดนของพระราชา พวกชาวบ้านก็ควรทำตามคำสั่งอย่างเดียวเท่านั้น หรือต้องการจะต่อต้านเป็นกบฏ แต่ก็อบลินยังคงซ่อนตัวกันไม่เสร็จ เอนริจึงต้องถ่วงเวลา

'ผมขอบอกอีกรอบ ... เปิดประตู!'
'ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้พวกเรากำลังเตรียมการต้อนรับเจ้าชาย ช่วยรอสักหน่อย'
'ลองพูดมาอีกทีซิ ยัยผู้หญิง! เธอดูแลที่นี่งั้นรึ? ชักช้าอย่างนี้ยอมรับไม่ได้! อย่ามาเสียเวลา เปิดประตูซะ!'
'... ทำไมถึงอยากจะเข้ามานักยะ?!' เอนริตะโกนสวนออกไปอย่างโกรธ แต่เธอคาดว่าการที่กองทัพมาที่นี่ อาจอยากใช้หมู่บ้านเป็นฐานทัพเนื่องจากตอนนี้การป้องกันของหมู่บ้านแข็งแรงขึ้นมาก
'ทำไมไม่ตอบล่ะ! หรือเป็นพวกแอบอ้างเป็นทหารของราชอาณาจักร!'
'ผู้ร่ายเวทที่ชื่อ ไอนซ์ อูล โกน เคยมาที่หมู่บ้านใช่มั้ย ตอนนี้เขาเป็นศัตรูกับราชอาณาจักร ดังนั้นพวกเราอยากจะถาม มีใครเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่'

เอนริตกใจ และพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามเธอได้ยินสมาชิกหน่วยป้องกันกระซิบ ถ้าท่านไอนซ์ต่อต้านราชอาณาจักร นั่นก็น่าจะหมายความว่าราชอาณาจักรเป็นคนผิด ชาวบ้านคนอื่นๆต่างเห็นด้วย ทั้งพวกชาวบ้านยังเกลียดราชอาณาจักร เนื่องจากไม่สามารถปกป้องชาวบ้านได้ และพวกชาวบ้านนั้นเชื่อใจและเคารพนับถือผู้ที่ช่วยหมู่บ้านไว้มากกว่า เขาทั้งให้ของขวัญเป็นแตรไว้เรียกก็อบลิน และโกเล็มในการช่วยสร้างกำแพง ทั้งยังมีเมดที่มาช่วยหมู่บ้านไว้เมื่อยามถูกพวกโทรลเข้าโจมตี พวกชาวบ้านรู้ว่าจำนวนทหารเยอะกว่ามาก แต่ก็ไม่คิดที่หักหลังท่านไอนซ์

'ถ้ารู้แล้ว ก็เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะถือว่าพวกหมู่บ้านนี้ทรยศต่อราชอาณาจักร!'
'ขี้ค่ะ ขี้วัวเต็มไปหมด พวกเราไม่สามารถให้เจ้าชายมาเดินในที่แบบนี้ได้!'
'โอ อืม เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปแทนเจ้าชาย'
'ขะ ขอโทษค่ะ ขี้เปื้อนมือหนู เช็ดไม่ออกด้วย เดี๋ยวขอตัวไปล้างมือก่อน เดี๋ยวกลับมา'
'ฮะ เฮ้!'

บาโบร เริ่มหมดความอดทนและโกรธจัด ทำไมพวกชาวบ้านถึงไม่เปิดประตู แผ่นดินนี้เป็นของราชวงศ์ ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา หรือพวกชาวบ้านจะดูถูกเขา ท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า

'พวกคนทรยศ! พวกกบฏ ทั้งหมดนั่น ข้าขอประกาศว่าทุกคนในหมู่บ้านคาร์เนเป็นกบฏ!'

ถึงทหารจะรู้ว่าการกบฏต้องจัดการให้เด็ดขาด แต่ทหารก็พยายามโน้มน้าว เนื่องจากอาจทำให้ขวัญกำลังใจกองทัพตกต่ำ และกำแพงของหมู่บ้านก็ดูแข็งแรงมาก นี่ไม่ใช่หมู่บ้านธรรมดาทั่วไป การบุกหมู่บ้านอาจสร้างความยากลำบาก และควรพูดคุยกันก่อน

'ก็ไปถามดีๆ เสร็จแล้วก็แขวนคอพวกมันบางคนเสียหน่อย' บาโบรตอบ

ทหารนับพันยืนรอหน้าประตู และตะโกนให้เปิดประตู บาโบรเห็นประตูไม่เปิด และไม่ต้องการรอต่อไป จึงสั่งให้ยิงธนูไฟเป็นการข่มขู่ไปที่หอสังเกตการณ์ (หอคอยระวังภัย)

ครึ่งหนึ่งของชาวบ้านไม่ต้องการเปิดประตู อีกครึ่งหนึ่งไม่เต็มใจแต่จะเปิดประตูให้ได้คุยกัน ปัญหาคือการเปิดประตูจะเป็นการทรยศท่านไอนซ์หรือไม่ จึงยังตกลงกันไม่ได้

'พวกชาวบ้านของหมู่บ้านคาร์เน เพราะพวกแกไม่ยอมเปิดประตูทันทีตามคำสั่ง พวกแกที่เป็นผู้จงรักภักดีแห่งราชอาณาจักรจึงถูกตั้งข้อสงสัย ดังนั้นพวกเราจะพาตัวแทนในหมู่พวกแกไปสนามรบ และให้โน้มน้าวไอนซ์อูลโกนให้ยอมแพ้ การทำเช่นนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าพวกแกยังซื่อสัตย์กับราชอาณาจักร และยังคงเป็นผู้ที่จงรักภักดีอยู่'

บรรยากาศในหมู่บ้านเปลี่ยน ความเกลียดลุกลามไปทั่วชาวหมู่บ้าน ถึงพวกเขาจะเป็นประชาชนของราชอาณาจักรและมีความจงรักภักดี แต่ก็เทียบไม่ได้กับความกตัญญูที่พวกเขามีให้กับคนที่เคยช่วยหมู่บ้านไว้โดยไม่หวังผลตอบแทน ขณะที่พวกเขา ครอบครัว เพื่อนและคนรักถูกฆ่า มีแต่เขาเท่านั้นที่ยื่นมือเข้ามาช่วย พวกชาวบ้านบางคนถึงกับบอกว่าจะไม่ยอมให้ถูกลากไปสนามรบเพื่อไปขวางทางท่านไอนซ์ จนกระทั่งพวกกองทัพยิงธนูไฟใส่หอสังเกตการณ์ ทุกคนต่างเห็นไฟที่ลุกท่วมหอ เสียงร่ำไห้และความโศกเศร้าอยู่ทั่วตัวเอนริ บางส่วนทั้งเกลียดและสิ้นหวัง เนื่องจากพวกนั้นย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน และหมู่บ้านเดิมของพวกเขานั้นถูกเผาจนวอดวายหมด พวกชาวบ้านบางส่วนคลั่งและประกาศตัวเป็นศัตรูกับกองทัพ

เมื่อถึงเวลาที่โหวตทางเลือก ไม่มีชาวบ้านคนไหนยอมเปิดประตูต่อไปอีก ทุกคนตั้งใจที่จะสู้กับกองทัพจนถึงลมหายใจสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็บอกว่า เราควรจะให้พวกหนุ่มสาว และผู้หญิงหนีไป ถ้ามีใครต้องตายก็ควรเป็นคนแก่ๆ แต่ศัตรูก็ปิดล้อมประตูทุกทาง ก็อบลินจึงวางแผนที่จะล่อศัตรูออกมาจากประตูที่จะหนีเข้าป่า พวกชาวบ้านตัดสินใจที่จะตายกันแล้ว แต่ก็ไม่ต้องการที่จะให้เด็กๆต้องตายไปด้วยกัน และนี่จะเป็นการตอบแทนความเมตตาของท่านไอนซ์ ส่วนเอนริพวกชาวบ้านก็บังคับให้ทำหน้าที่ดูแลคนอื่นๆที่จะหนีเข้าป่า

บาโบรคิดว่าเขาจะแขวนคอพวกชาวบ้านกับกำแพง เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรกับพวกที่ต่อต้านราชวงศ์ และเขาต้องหาตัวคนที่เกี่ยวข้องกับไอนซ์ เขาคิดว่าเขาน่าจะนำตัวผู้สอบสวนมาด้วย และตอนแรกเขาจะแกล้งทำเป็นไว้ชีวิตคนที่ร่วมมือด้วย แล้วค่อยฆ่าทีหลัง ส่วนตัวเด็กๆก็ฆ่าทิ้งซะ ถึงปล่อยไปก็อยู่ไม่ได้โดยไม่มีครอบครัวอยู่ดี นี่เป็นความปรานีที่เขาจะมอบให้ ระหว่างนั้นประตูของหมู่บ้านก็ได้เปิดและมีออร์คยกพวกออกมา (ห้าตัว) ใช้กระบองฟาดคนจำนวนมากจนบินกระเด็นไป พวกทหารต่างวิ่งหนีตายออกจากหน้าประตู เมื่อพวกทหารกองทหารม้าจะเข้าโจมตีออร์ค ออร์คได้ร่นถอยกลับไปโดยใช้ทหารที่กำลังหนีเป็นโล่ห์ บาโบรและทหารต่างสงสัยว่าทำไมถึงมีออร์คออกมาจากหมู่บ้านได้ หรือหมู่บ้านจะถูกยึด หรือมีชาวบ้านบงการออร์คอยู่ บาโบรชี้ไปที่ธงราชวงศ์ที่ขาดรุ่งริ่ง และสั่งให้ทำลายหมู่บ้านด้วยทุกสิ่งที่มี รวมกำลังพล ยิงธนูไฟ เผาหมู่บ้านทิ้ง

หม้อน้ำมันถูกโยนใส่กำแพง ตามด้วยธนูไฟ ความรุนแรงเทียบเท่าได้กับ 'ไฟบอล' แต่นั่นก็ไม่ทำให้กำแพงที่แข็งแรงพังลงได้ พวกกองทัพยังมีการใช้ท่อนซุงกระทุ้งพยายามทำลายประตู พวกชาวบ้านก็ยิงธนูโจมตีไปตามที่ได้ฝึกฝนกันมา ฝ่ายกองทัพก็ยิงธนูตอบโต้กลับมาแต่ก็ยิงติดกำแพงหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ถึงอย่างนั้นก็อาจมีลูกธนูหลุดฝ่ามาโดนชาวบ้านได้ ชาวบ้านจึงต้องเปลี่ยนที่ยิงเรื่อยๆ ถึงไม่เป็นไปตามที่ฝึก และโอกาสยิงโดนเป้าหมายลดลงไปก็ตาม เมื่อกองทัพเห็นว่าการโจมตีด้วยธนูใช้ไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมาโจมตีด้วยหอก ถึงหมู่บ้านจะมีแผนดีเท่าใดก็ตาม แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เนื่องจากกำลังพลต่างกันมากเกินไป ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นแผนการพลีชีพเพื่อล่อศัตรูให้พวกคนอื่นหนี โดยเฉพาะเอนริ ที่ก็อบลินให้ความสำคัญเป็นอันดับสูงสุด และจะจ่ายด้วยทุกอย่างที่มีโดยที่ไม่เสียใจแม้แต่น้อย

เอนริและเอนฟิเรียรวบรวมผู้หญิงและเด็กๆไปที่ประตูหลัง ส่วนย่าของเอนฟิเรียนั้นไม่ได้มาด้วย เพราะต้องไปซ่อนอุปกรณ์ทำยาที่ยืมมาจากไอนซ์ เมื่อได้เวลาเหมาะทุกคนก็กรูกันออกไป มุ่งตรงไปสู่ป่า พวกแรกที่นำไปคืออากูกับชนเผ่าของเขา เพื่อเบิกทางในป่าไม่ให้มีอะไรซุ่มโจมตี ต่อด้วยบริตต้าและกลุ่มทหารพราน(สเก๊าท์) เมื่อวิ่งออกจากประตูแล้ว ป่ายังอยู่อีกไกลทั้งขาที่สั้นของเด็กๆทำให้ช้าลง แต่แล้วทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงม้าจากด้านหลัง กลุ่มอัศวินขี่ม้านับร้อยวิ่งตามมาด้วยความเร็ว พวกนั้นน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่มุม แล้วคอยเวลาที่ชาวบ้านออกห่างจากประตูได้พอสมควร และแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอีก จึงปรากฏตัวออกมา พวกชาวบ้านต้องถูกทหารม้าตามทันแน่นอน แม้จะพยายามวิ่งให้ไวเท่าไหร่ก็ตาม เอนฟิเรียตัดสินใจพลีชีพเพื่อถ่วงเวลา แต่เอนริบอกมีวิธีที่ดีกว่านั้น ด้วยแตรเขาที่สามารถเรียกก็อบลินได้ 19 ตัว ถึงแต่ละตัวจะแข็งแกร่งแต่ก็คงไม่สามารถหยุดอัศวินขี่ม้าได้ แต่การไม่ทำอะไรเลยจะเป็นการเสียเปล่า คุณก็อบลิน ช่วยหนูด้วยค่ะ! ปู่นนนนนนนน เสียงเป่าแตรเขาที่ดังจนทำให้พื้นสะเทือน ในอดีตเอนริเคยเป่าแตรเขามาแล้ว แต่เสียงที่ออกมาก็มีแค่ปุดเบาๆ

'อะ เอนริ' เอนฟิเรียตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเอนริหันไปดูบ้างก็ต้อง
'เอ่อ? เออออออออออ๋?!'

ไอเท็มหลายอย่างในอิกดราซิลจะมีชื่อเฉพาะ และมีไม่กี่อย่างที่ได้รับการยกเว้น นั่นรวมไปถึงอาติแฟคไอเท็ม หนึ่งในอาติแฟคไอเทมนั้นคือ เขาแห่งแม่ทัพ (นายพล) ก็อบลิน ซึ่งห่วยมาก เรียกก็อบลินได้ 19 ตัว และก็อบลินที่ได้มาก็เป็นมอนส์เตอร์ขยะ แล้วทำไมมันถึงได้รับการตั้งชื่ออย่างโออ่าว่า แม่ทัพ? ควรจะเรียกไอเทมนี้ว่าเขาก็อบลินมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามมันมีเหตุผลในการที่มันมีชื่อนี้ และเหตุผลนั่นก็คือ -

พวกก็อบลินและชาวบ้านได้สู้รบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะจูเกมที่เป็นหัวหน้าก็อบลินที่สามารถสู้กับทหารระดับแนวหน้าได้ถึงสามคน ถึงจะเป็นรองอย่างมากก็ตาม จนในที่สุดก็ต้องสู้พร้อมกันสี่คน ซึ่งเขาคงต้องตายแน่นอน มีชาวบ้านหลายคนได้ตายไป ถึงเขาบาดเจ็บหนักแต่เขาก็ตั้งใจสู้ต่อไป เพื่อซื้อเวลาให้กับเอนริและคนอื่นๆ จนถึงลมหายใจสุดท้าย ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงอึกทึกจากอีกฝั่งของหมู่บ้าน เสียงกลองเป็นจังหวะดังก้องไปทั่วสนามรบ เมื่อจูเกมหันไปดูก็พบกองทัพกอบลินขนาด 5000 ตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ ใส่อาวุธและชุดเกราะที่เหมาะกับนักรบ เขาไม่แน่ใจว่าเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ก็บอกให้ทุกคนที่ยังรอดวิ่งไปที่กองทัพนั้น บางอย่างบอกเขาว่ากองทัพนี้คือพรรคพวกเดียวกัน เมื่อจูเกมเข้าไปก็รับการทักทายจาก ก็อบลินนักยุทธศาสตร์ที่เป็นคนดูแลกองทัพนี้ และบอกว่าแม่ทัพเอนริปลอดภัยดีอยู่ด้านหลัง

กองทัพราชอาณาจักรและบาโบรต่างงุนงงกับกองทัพก็อบลินที่โผล่มาใหม่ ทหารต้องการให้ถอยทัพ แต่บาโบรไม่สามารถที่จะถอยได้ เพราะจะถูกตราหน้าว่าเป็นเจ้าชายผู้วิ่งหนีก็อบลิน และถ้าแพ้ก็จะเป็นเจ้าชายที่แพ้ให้กับก็อบลิน บาโบรจึงอ้างเหตุผลให้ทหารสู้ต่อไป ทางกองทัพก็อบลินได้เข้าโจมตีกองทัพของราชอาณาจักร พร้อมทั้งประกาศชื่อหน่วยของตน (ฯพณฯ แม่ทัพเอนริ ตามด้วยชื่อหน่วย และคำแนะนำตัว) หน่วยต่างๆได้แก่ หน่วยทหารราบเกราะหนัก หน่วยอัศวินพาลาดิน (ขี่หมาป่าเงิน) หน่วยนักขี่สัตว์ป่า หน่วยพลธนูยาว หน่วยเวทมนตร์สนับสนุน หน่วยเวทมนตร์ระเบิดโจมตีพื้นที่ หน่วยนักฆ่า หน่วยบอดี้การ์ด (สิบสาม หมวกแดง) หน่วยดุริยางค์ (ดนตรี) เป็นต้น แต่ก็อบลินได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ฆ่าเจ้าชาย เพราะอาจทำให้การต่อสู้ไม่จบลงจนกว่าฝ่ายใดจะตายไป สุดท้ายกองทัพราชอาณาจักรก็แตกพ่าย และวิ่งหนี

ที่ราบ (ทุ่งกว้าง) ยามค่ำคืน กองทัพราชอาณาจักรที่แตกพ่ายได้หยุดพัก อากาศอันหนาวเหน็บแต่ทุกคนต่างเหนื่อยมากจึงทำให้สลบไสล บาโบรคิดว่าตัวเขาช่างโชคร้าย และพวกก็อบลินนั่นคืออะไรกัน มาจากไหน และเขาไม่สามารถไปสู่สนามรบที่ที่ราบแคทเซได้แล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการมีตัวตน ไม่ใช่จากทหารที่กำลังหลับ แต่มาจากทิศที่พวกเขาหนีมา เมื่อเขาหันไปก็พบหันไปพบร่างๆหนึ่ง ที่โบกมือทักทายเขา

'เป็นไงบ้างจ๊ะ~' (สบายดีไหมจ๊ะ~)

อยู่ดีๆเธอมาปรากฏตัวกลางที่ราบได้อย่างไร เธอนั้นผู้ช่างงดงามอย่างมาก พร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ ถ้านี่อยู่กลางเมืองเขาคงจีบเธอไปแล้ว แต่นี่มันกลางที่ราบ สิ่งที่แปลกที่สุดคือชุดของเธอ ที่ดูคล้ายกับชุดเมด มอนส์เตอร์หรือเปล่าเขาคิด มอนส์เตอร์บางชนิดมีรูปโฉมที่งดงาม เช่นพวกแฟรี่ แต่ชุดเมดนี่คืออะไร เขางุนงง

'สวัสดี ชั้นมาที่นี่เพื่อมาเล่น~ ชั้นไม่ได้มาช่วงเวลาที่นายกำลังแย่ใช่มั้ย?'
'เธอเป็นใคร'
'คนอื่นเรียกชั้นว่าลูปัซเรจิน่า ชั้นเป็นหนึ่งในเมดที่รับใช้ท่านไอนซ์-ซามะ'
'อะ อะไรนะ'
'ไม่ ไม่ ไม่ต้องกังวลถึงเรื่อง ... ลำบากที่นายเพิ่งผ่านมา แต่นายก็รู้ใช่มั้ย ชั้นคิดว่ามันดูโกงไปนะ ชั้นหมายถึงการใช้กองทัพก็อบลินมันดูขี้ขลาดเกินไป แต่ชั้นก็รู้สึกประหลาดใจตอนที่คอยเฝ้ามองมนุษย์คนนั้น เอนริ และก็ต้องร้องด้วยความแปลกใจ ใครจะไปคิดว่ามันจะมีก็อบลินมากมายขนาดนั้นทะลักออกมา ... ฮิฮิฮิ'
'แล้วเธอมาที่นี่ทำไมกัน?'

การกระทำของเธอแปลกเกินไป ถ้าเธอจะซุ่มโจมตีก็ไม่จำเป็นต้องแสดงตัว หรือนี่เป็นการดึงความสนใจ? ไม่สิ ตัวเขามีค่ามากเพราะเขาเป็นถึงรัชทายาท พวกนั้นน่าจะมีแผนเจรจา และตัวเขาน่าจะเป็นตัวประกัน ที่จริงต้องบอกว่าเป็นนักโทษมากกว่า บาโบรรู้สึกได้ถึงบัลลังก์ที่กำลังห่างจากตัวเขาออกไปทุกวินาที ถึงแม้เขาจะเป็นนักโทษ แต่ก็มีโอกาสที่จะได้พบกับไอนซ์ เขาอาจแลกดินแดนหนึ่งในสี่ของราชอาณาจักร เพื่อขอให้ไอนซ์ช่วยเขาในการขึ้นครองบัลลังก์

'ไม่ ไม่ มันมีเหตุผลเดียวที่ชั้นมาที่นี่' 'ชั้นมาเพื่อที่จะสังหารหมู่ทุกคนค่ะ!'
'อะไรนะ?! เธอพล่ามไร้สาระอะไรเนี่ย! เธอไม่รู้เหรอว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร ข้าคือรัชทายาทแห่งราชอาณาจักรรี-เอสทีเซ บาโบร อันโดเรียน เลวด์ ไรล์ ไวเซฟ!'
'ฮ่า ก็นะ ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่นายก็ยังเป็นแค่มนุษย์นี่นา ชั้นไม่ผิดใช่มั้ย? สำหรับพวกเราแล้วมันก็เหมือนๆกัน อ้าห์ ชั้นก็รู้อยู่แล้วด้วยว่านายคือเจ้าชาย'
'นั่น ใช่! เธอหมายถึงฆ่าทุกคนยกเว้นข้าใช่มั้ย? ข้าไม่คิดนั่นเป็นความคิดที่ดี ถึงเธอจะพาชั้นไปเป็นนักโทษ แต่เธอก็ต้องการคนที่จะนำข่าวไปแจ้งแก่พระราชา ไม่งั้นการเจรจาต่อรองก็อาจยากลำบากได้ในหลายๆทาง'
'ไม่ ไม่ นายกำลังพูดอะไรเนี่ย ชั้นจะพูดอีกครั้งละกัน สัง~หาร~หมู่ มันคือการสังหารหมู่ เพราะชั้นจะฆ่าพวกนายทุกๆคน หรือสมองของนายจะไม่พัฒนากันนะ? อ้าห์~นายอาจรู้สึกว่าตัวเองมีค่าอย่างนั้น แต่ชั้นก็ไม่อยากเก็บนายไว้อะ'
'เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย! เธอไม่รู้คุณค่าในตัวข้ารึ! ข้าคือรัชทายาท! เธอกล้าดียังไงที่คิดจะฆ่าข้า! ปกติแล้วต้องจับตัวพวกขุนนางไปเรียกค่าไถ่สิ! หรือเธออยากจะได้ดินแดนของข้า! มันจะดีกว่าที่จะไว้ชีวิตข้าเพื่อให้ได้เปรียบในการเจรจา!'
'... โอ้ เจ้า นี่เป็นมนุย์ที่น่างงงวย' ลูปัซเรจิน่ายิ้มอย่างไม่พอใจ และต่อด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเธอพยายามอธิบายสิ่งที่ซับซ้อนให้กับเด็กทารกฟัง
'นายไม่ได้เป็นที่ต้องการในแผนของท่านผู้อยู่สูงสุด ท่านไอนซ์-ซามะ ดังนั้นนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนายถึงกำลังที่จะตาย นายเข้าใจแล้วใช่มั้ย?'
'...เธอจะทำจริงๆเหรอ? เธอจะฆ่าข้า ...' บาโบรตกตะลึงและสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือคำขู่
'อ้าห์ นี่เป็นการแสดงออกที่ดีจริงๆ เป็นประเภทที่ชั้นชอบเลย นายกำลังไต่ลำดับขึ้นและขึ้นไปเรื่อยๆ ในการจัดอันดับความชอบของชั้น'
'ถ้างั้น-'
'คำสั่งจากท่านไอนซ์-ซามะคือให้สังหารหมู่ทุกคน ดังนั้นจะไม่มีใครที่จะรอดออกไปจากที่นี่ได้'
'ดังนั้น ชั้นก็ได้คิดโน่นคิดนี่ ว่าคู่ต่อสู้แบบไหนที่จะทำให้พวกนายได้สนุกกันได้มากที่สุด? ดังนั้นชั้นก็เลยนำคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดมาให้ กับพวกซึ่งมีปัญหาอย่างมากกับพวกก็อบลิน'
'ท้า-ดา' (แต่น-แต๊น) เธอยกมือขึ้น และเงาหลายเงาก็พุ่งกระโจนออกมาจากเงาของเธอ
'นี่เป็นทหารรับจ้างหมวกแดงที่ชั้นอัญเชิญมา!' จำนวนสามสิบตัว ก็อบลินที่ดูชั่วร้ายและบิดเบี้ยว ทุกตัวสวมหมวกแหลมสีแดง และรองเท้าเหล็ก ในมือถือขวาน
'ศัตรูบุก! พวกแกทำอะไรกันอยู่! ตื่นเร็ว! เตรียมต่อสู้ได้แล้ว! ศัตรูอยู่นี่แล้ว!' พวกทหารต่างตื่นขึ้นมา
'... เลเวล43 รู้สึกว่าพลังจะมากเกินไปหน่อย แต่มันก็ไม่มีก็อบลินเลเวลต่ำกว่านี้ในห้องสมุดแล้วนี่นา'

เสียงกรีดมากมายร้องระเบิดขึ้นเนื่องด้วยพวกทหารต่างได้ผ่านนรกการต่อสู้กับพวกกองทัพก็อบลินมาก่อนหน้า พวกเขาไม่เหลือจิตใจอยากจะต่อสู้กับก็อบลินอีก ทหารต่างวิ่งหนีกันอย่างยุ่งเหยิงโดยไม่คิดที่จะต่อสู้

'อย่าหนี! สู้! สู้สิ! ยืนหยัดต่อสู้! ปกป้องตัวข้าเดี่ยวนี้!' แต่ไม่มีใครฟังบาโบร แม้แต่ขุนนางก็ยังขึ้นม้าหนี
'อาฮ่าฮ่าฮ่า! นี่มันงานชิ้นโบว์แดงเลย สำหรับพวกนายที่คิดจะหนีในพื้นที่เปิดกว้างอย่างนี้! อ้าห์ นี่มันตลกเกินไปแล้ว! เยี่ยมที่สุด! รักมากๆเลยค่า!'
'นายคิดหรือว่า นายจะหนีไปได้หากใช้ม้า ... ชั้นเดาว่ามีแต่พวกปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละที่จะคิดอย่างนั้น พวกนายไปตัดขาพวกปัญญาอ่อนให้ใช้หน่อยได้มั้ย?'

พวกหมวกแดงวิ่งออกไป เหมือนสัตว์ป่า ผ่านตัวพวกทหารที่กำลังหนีแตกกระเจิง และเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่ว เมื่อมีขุนนางคนไหนพยายามขี่ม้าวิ่งหนี เสียงกรีดร้องก็ดำเนินต่อไป

'เอาล่ะ ชั้นคิดว่าชั้นคงมีเวลาไม่มากที่จะได้สนุกบ้าง เพราะตอนนี้คนเหลืออยู่ไม่มากแล้ว แต่ชั้นก็เข้าใจนะว่ามันช่วยไม่ได้ ชั้นจะพยายามอย่างดีที่สุด และให้ตัวเองได้เพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงชั้นจะไม่มีความสามารถเหมือนโซลจัง แต่ชั้นจะแสดงให้นายเห็นว่าชั้นก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน'

ลูปัซเรจิน่าเดินไปที่บาโบร ที่ชักดาบออกมา เธอเดินอย่างสบายใจเหมือนกำลังเดินเล่น แต่รอยยิ้มที่เผยออกมาเหมือนกับรอยแยกบนหน้าอันงดงาม ทำให้บาโบรตัวสั่นเทิ้ม

มันเป็นเวลาหลังจากสามสิบนาที ที่ในที่สุดบาโบรก็ได้รับอนุญาตให้ตัวเขาโอบกอด การหลุดพ้นอันหอมหวาน ของความตาย

TLN: กองทัพก็อบลินจำนวน 5000 ของเอนรินั้น ว่ากันว่ามีความสามารถทำลายล้างอยู่ในระดับสูง ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยที่มีความสามารถต่างๆกัน ช่วยสนับสนุนกันได้อย่างดีและมีความหลากหลาย ก็อบลินแต่ละตัวมีอาวุธ ชุด อุปกรณ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีความเป็นระบบระเบียบกันอย่างมาก คาดว่ากองทัพนี้สามารถที่จะทำลายล้างดินแดนหรือเมืองต่างๆรอบบริเวณได้ นั่นรวมไปถึงราชอาณาจักรรี-เอสทีเซหรือจักรวรรดิบาฮารุท
TLN: ก็อบลินหน่วยบอดี้การ์ด หรือสิบสามหมวกแดง เป็นหน่วยที่เก่งที่สุดของกองทัพก็อบลิน แต่ละตัวมีพลังมากที่จะกำจัดศัตรูทั่วไปทุกคนได้ และถ้ายิ่งรวมกันสิบสามตัว . . . ลูปัซเรจิน่าเลเวล 59 พวกหมวกแดงเลเวลแต่ละตัวประมาณ 43 นักผจญภัยระดับอะดาแมนไทน์อยู่ในช่วงประมาณเลเวล 30 . . . ส่วนก็อบลินหน่วยอื่นๆ ระดับเลเวลก็ลดหลั่นกันไป แต่คิดสภาพ กองทัพนักผจญภัยระดับโอริคอลคัม (เลเวลประมาณ 25) ระดับมิธทริล (เลเวลประมาณ 20 กว่า) ระดับแพลตตินัม (เลเวลประมาณต่ำกว่า 20) ระดับทอง (เลเวลประมาณ 15) ระดับเงิน (เลเวลประมาณ 10 กว่า) ที่จำนวนลดหลั่นไปตามระดับชั้น ปริมาณ 5000 คน . . . ส่วนทหารที่ฝึกมาอย่างดีของจักรวรรดิอยู่ในระดับเงิน มีจำนวนน้อยที่อยู่ในระดับทอง
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account

Comments

Popular posts from this blog

Overlord Light Novel volume 10 (นิยายเล่ม 10) - สรุปเนื้อหา

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 0 - เวอร์ชั่นบ่น)

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 2)