Overlord Light Novel volume 10 (นิยายเล่ม 10) - สรุปเนื้อหา
Overlord นิยายเล่ม 10 - ผู้ปกครองกับการวางแผนลับ
สรุปเนื้อหาหลัก
ไอนซ์ต้องการทำให้อาณาจักรตนเองเป็นยูโทเปีย ดินแดนแห่งเทพสร้าง แดนสุขาวดีอันสงบสุข และเป็นสถานที่สุขสมบูรณ์พร้อม ที่แต่ละเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันได้ภายใต้การปกครองของเขา แต่ขั้นแรกนั้นไอนซ์ต้องการเดินทางไปที่จักรวรรดิ เพื่อที่จะเสริมสร้างความมั่นคงให้กับกิลด์นักผจญภัยและชุบเลี้ยงนักผจญภัยที่แท้จริงรุ่นใหม่ขึ้นมา
แต่ละประเทศรอบๆ ที่ได้ทราบข่าวการกำเนิดใหม่อาณาจักรผู้ร่ายเวท ต่างประชุมและหาทางรับมือ
สรุปเนื้อหาและรายละเอียดบางส่วนภายในเล่ม
อัลเบโดนอนดมเตียงไอนซ์เช่นเคย หลังจากได้เมืองเอ-รันเทลมา อัลเบโดก็มีงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้กำลังเร่งควบคุม ฝึกสอนอันเดด เพื่อให้ทำงานด้านการบริหารได้ เธอคิดอยากได้คำตอบเกี่ยวกับทิศทางที่ไอนซ์จะนำเมืองนี้ไป รวมไปถึงกฏหมายและนโยบายต่างๆ อัลเบโดทำตามคำสั่งของไอนซ์ผู้ที่วางแผนได้อย่างรอบคอบเจิดจรัส และเป็นผู้ที่มากล้นด้วยปัญญาที่หลักแหลม ได้อย่างยากลำบาก ถึงอย่างนั้นก็เธอก็แทบไม่บ่น เพราะนี่เป็นการรับใช้ผู้ที่เธอรัก
ส่วนไอนซ์อยู่ที่ห้องของนายกเทศมนตรีที่ตอนนี้ไม่มีเจ้าของ กับเมดที่ชื่อว่าฟอส ที่ตื่นตัวตลอดเวลาทั้งคืนระหว่างที่เขากำลังอ่านหนังสือ ฟอสได้เปลี่ยนเวรยามกับฟิฟท์ในวันถัดไป ไอนซ์รู้สึกไม่มั่นใจกับสไตล์การเลือกชุดแต่งกาย จึงโยนหน้าที่ให้เมดแทน และได้ชุดสีแดงฉูดฉาด พร้อมประดับด้วยกระดุมอัญมณี ปักขอบด้ายทอง ซึ่งไอนซ์คิดว่ามันพิลึกมากและสงสัยว่าเซนส์การเลือกชุดของเขาเพี้ยนหรือไม่ ไอนซ์ได้เข้าไปในห้องทำงาน ให้อาหารนูรุนูรุคุง แมลงปากที่เป็นสัตว์เลี้ยง(ที่เอนโทม่าก็ใช้) และเริ่มประชุมกับอัลเบโด
เขาได้พบว่าพ่อค้าหยุดค้าขายกับเมืองเอ-รันเทล ทำให้เมืองขาดแคลนทรัพยากร และมีการพูดถึงข้อกฏหมายที่จะร่างขึ้นใหม่ ซึ่งไอนซ์บอกว่าไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ อัลเบโดก็เช่นเคย คิดว่าเป็นเพราะไอนซ์ไม่เคยถูกผูกพันธ์กับข้อกฏหมายใดๆมาก่อน การประชุมมีช่วงที่มีการเปิดดูข้อคิดเห็นแบบไม่แสดงตัว ที่รับความคิดเห็นมาจากนาซาริก ไอนซ์เป็นคนแนะนำระบบนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้สอดแทรกข้อคิดเห็นและข้อเสนอต่างๆของตัวเองเข้ามา โดยที่ระบบนี้จะไม่มีการสืบถึงที่มาและตัวตนของผู้ส่งข้อคิดเห็น และไอนซ์ได้เสนอสิ่งที่ฉลาดฝุดๆ (TLN: ประชด)
ออร่ากับมาเร่ ก็ได้มาเข้าเฝ้าไอนซ์เช่นกัน นาซาริกจำลองในป่าถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงเก็บทรัพยากร ไอนซ์ได้นำทั้งคู่มานั่งบนตัก อัลเบโดขอนั่งบ้าง แต่ไอนซ์ปฏิเสธ อัลเบโดทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ทำให้สุดท้ายเธอก็ได้นั่งลงบนตักของไอนซ์จนได้
ออร่า เสนอความเห็นว่า ชายควรใส่ชุดหญิง และหญิงให้ใส่ชุดชาย แต่ความคิดเห็นก็ตกไป เพราะไอนซ์บอกว่า ออร่ากับมาเร่ที่แต่งชุดอย่างนี้แตกต่างจากคนอื่น เนื่องจากทั้งคู่เป็นคนพิเศษของท่านผู้สร้าง อัลเบโดได้ขออนุญาตไอนซ์เพื่อที่จะไปทำการทูตที่เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักร ไอนซ์ได้ตกลงพร้อมคิดจะให้แพนโดร่าแอคเตอร์เข้ามาดูแลทำหน้าที่แทนระหว่างนั้น ไอนซ์บังเอิญเจอแฮมสุเกะ และพบว่ากำลังนอน (หลับธรรมดา) กับเดธไนท์ ต่อด้วยไอนซ์ไปพบแพนโดร่าแอคเตอร์(ที่ทำหน้าที่เป็นโมมอน) และพักอยู่ที่บ้านพักรับรองแขก ไอนซ์อนุญาตให้เรียกเขาว่าพ่อได้เป็นการส่วนตัวและให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไอนซ์ได้ถูกถามคำถามว่า ไอนซ์ต้องการทำอะไรกับประเทศนี่กันแน่
ไอนซ์ไม่แน่ใจ จึงออกเดินไปตามถนน ได้พูดคุยกับฟิฟท์ จนได้รู้ว่า ห้องของอัลเบโดห้ามไม่ให้เมดเข้าไป ไอนซ์ได้ทำการอัญเชิญเทวดาระดับสูงมาเป็นผู้คุ้มครอง (จะอัญเชิญอันเดด ก็สยองขวัญและน่าเกลียดเกิน) หลังจากที่ได้สนทนากันไปเรื่อยๆ ไอนซ์ได้ตัดสินใจว่าจะทำให้อาณาจักรของเขากลายเป็นยูโทเปีย ที่ทุกเผ่าพันธุ์บนโลกต้องยอมสยบสิโรราบให้กับเขา และเลือกเส้นทางการปกครองที่แตกต่างจากเดมิอุรุอุสกับอัลเบโด จนบังเอิญเดินมาถึงกิลด์นักผจญภัย จากการที่เคยชินช่วงที่ได้สวมบทบาทเป็นโมมอน
ไอนซ์เข้าไปในกิลด์นักผจญภัย แต่กลับไม่มีนักผจญภัยอยู่เลย มีแต่เจ้าหน้าที่ หลังจากที่ไอนซ์ได้เข้ามาปกครองเมืองเอ-รันเทล นักผจญภัยนั้นหางานเกี่ยวกับการล่ามอนส์เตอร์หรือภารกิจคุ้มกันแทบไม่ได้ เพราะหน้าที่นั้นถูกทำแทนด้วยเดธไนท์และโซลอีตเตอ ไอนซ์นึกไอเดียขึ้นมาได้ว่า ทำไมไม่เปลี่ยนนักผจญภัยที่ต้องมาล่ามอนเตอร์ ทำตัวเหมือนนักรบรับจ้าง ให้เป็นนักสำรวจโลกกว้างตามหาสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก ออกสำรวจเปิดแผนที่ ออกค้นหาสิ่งและสถานที่ใหม่ๆ เป็นนักผจญภัยตามชื่อของมัน เหมือนในอิกดราซิล ระหว่างที่กำลังคิดก็ได้ เขาก็ได้พบกับ มกคุนักคุ (ม็อกนัก) หัวหน้าทีมเรนโบว์ และได้ถามว่าทำไมถึงยังอยู่ในเมือง เขาได้คำตอบว่า เพราะยังมีรายได้จากการกำจัดอันเดดตรงที่ราบแคทเซ และโมมอนยังอยู่ที่เมืองนี้ ทำหน้าที่เป็นโล่ห์ ตัวเขาที่เกิดที่เมืองนี้จะหนีไปได้อย่างไร ไอนซ์จึงตอบกลับว่านักผจญภัยอื่น สักวันก็อาจได้ขึ้นไปในระดับเดียวกับโมมอน ความคิดของไอน์ได้ถูกเน้นย้ำมากขึ้น คิดถึงการเปลี่ยนแปลงนักผจญภัย
ไอนซ์ได้พบกับไอแซคหัวหน้ากิลด์นักผจญภัย ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง การเปลี่ยนแปลงและพัฒนานักผจญภัย กำหนดเป้าหมายใหม่ให้นักผจญภัย พร้อมจะสนับสนุนและฝึกฝนนักผจญภัย รวมไปถึงหลอมรวมกิลด์นักผจญภัยให้เข้าสู่อาณาจักรผู้ร่ายเวท ไฟในตัวของไอแซคลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
ณ เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักร เมืองรี-เอสทีเซ เจ้าหญิงราน่า ได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้กับเหล่าเด็ก ที่พ่อถูกฆ่าที่สงครามที่ราบแคทเซ จำนวนผู้ตายเกินกว่า 180,000 คน จาก 260,000 และยังมีผู้สูญหายอีกมาก เธอเข้ามาเล่นกับเด็กๆ ไคลม์หลังจากที่พยายามตามหากัปตันนักรบคนใหม่กับเบรน ก็กลับมามือเปล่าเพื่อมารับราน่ากลับ โดยที่มีสมาชิกบางส่วนของทีมบลูโรสทำหน้าที่คุ้มกัน อีวิวอายเป็นห่วงโมมอน และอยากจะมุ่งตรงไปหาที่เอ-รันเทล เมื่อถึงพระราชวังหลวงก็ได้ทราบข่าวจากเจ้าชายอันดับสองว่า จะมีราชทูตจากอาณาจักรผู้ร่ายเวทมาเยือนในอีกหนึ่งอาทิตย์
เนื้อเรื่องกล่าวถึง ฟิลิป (TLN: ฮิลม่า: ดิอัลติเมตฟูล!) ลูกชายคนที่สามของขุนนาง ที่บังเอิญโชคดีได้รับสิทธิ์มรดรกต่อจากพี่ชายทั้งสองที่ตายไป ฟิลิปได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่ต้อนรับราชทูตอัลเบโด เขาได้ตะลึงและลุ่มหลงในความงามของเธอ เขาได้วางแผนถึงการทำให้ตระกูลร่ำรวยเพิ่มมากขึ้น ฟิลิปรวมความกล้าเชิญชวนอัลเบโดมางานเลี้ยงส่วนตัวของเขา(ทั้งที่ฟิลิปนั้น ตัวเขาและตระกูลต่ำต้อยอยู่ในขุนนางชั้นล่าง) อัลเบโดได้ตอบตกลง พอกลับไปที่บ้านฟิลิป พ่อของฟิลิปดุด่าว่าทำไมไม่สานสัมพันธ์กับท่านเคาท์และขุนนางอื่นๆที่พ่อได้แนะนำ ทำไมไปสร้างสัมพันธ์กับอาณาจักรผู้ร่ายเวท ส่วนบ้านของฟิลิปใหญ่นั้นไม่ใหญ่พอและเหมาะสมที่จะจัดงานเลี้ยงได้ เขาจึงร่วมมือกับนายหญิงเจ้าของที่ดินที่เมืองหลวง เพื่อแลกกับการที่เป็นบุญคุณกับนายหญิง
ในงานเลี้ยง ฟิลิปได้สังเกตว่า ขุนนางหลายๆคนก็เพิ่งถูกแต่งตั้งขึ้นใหม่เหมือนเขา และกังวลว่าพวกนี้จะสามารถต่อสู้แข่งขันกับขุนนางฝ่ายอื่นได้หรือไม่ นายหญิงเจ้าของที่ดิน (คือ ฮิลม่า นั่นเอง) ได้โน้มน้าวให้ฟิลิปตั้งฝ่ายขุนนางขึ้นมาเองใหม่ เพราะเธอคาดหวังกับเขามาก แต่ความจริงแล้วเธอต้องการให้ฟิลิปเป็นหุ่นเชิด เพื่อการที่จะได้รวมราชอาณาจักรเข้ากับอาณาจักรผู้ร่ายเวท ทั้งอัลเบโดยังสั่งให้องค์กรแปดนิ้ว เคลื่อนย้ายทรัพยากรต่างๆทั้งหมดจากราชอาณาจักรไปยังอาณาจักรผู้ร่ายเวทอีกด้วย องค์กรแปดนิ้วยังถูกร้องขอให้หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ข่าวลือ หรือไอเท็มที่มีความสามารถในการควบคุมจิตใจซึ่งเป็นเหตุผลส่วนตัวของอัลเบโด อัลเบโดมาที่เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรด้วยสี่เหตุผล และอย่างสุดท้ายคือการมาทำข้อตกลงกับเจ้าหญิงราน่า อัลเบโดได้เข้าพบกับเจ้าหญิงราน่า เจ้าหญิงราน่านั้นถูกเปิดเผยว่า เธอหักหลังราชอาณาจักรและราชวงศ์ และได้เข้าร่วมกับนาซาริก อัลเบโดนั้นได้นำของขวัญมาให้จากการทำงานของเจ้าหญิงราน่า กล่องที่จะเติมเต็มความปรารถนาของเธอ เจ้าหญิงราน่าอาจจะได้รับตำแหน่งที่เท่าเทียมกับเอเรียการ์เดียน เหตุการณ์จบลงที่การพูดคุยเรื่องส่วนตัวของสาวๆ (เรื่องไคลม์และไอนซ์)
ย้ายมาที่เทวาธิปไตยสเลน มีการประชุมของเหล่าผู้มีอำนาจสูงสุดถึงเรื่องการยึดครองเอ-รันเทลและพื้นที่รอบๆของอาณาจักรผู้ร่ายเวท มีการถกเถียงกันว่าควรเข้าไปแทรกแซงกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่มติลงเอยด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยว พวกเขาได้รับรายงานจากการสอดแนมของ โหรพันไมล์ ที่ขังตัวเองอยู่ในห้อง หลังจากที่ได้ข้อมูลของราชาผู้ร่ายเวท รายงานพูดถึงอันเดดจำนวน 500 (เดธไนท์และโซลอีเตอ) ที่ 1 ตัวเทียบได้กับกองกำลังของประเทศเล็กๆ 1 ประเทศ และเวทเดียวที่ฆ่าคนไปมากมาย ต่อด้วยถกเถียงกันว่าสเลนจะสามารถรับมือได้หรือไม่ เทวาธิปไตยสเลน มีไพ่ตายอยู่ และมีอุปกรณ์ป้องกันมากมายที่ถูกทิ้งไว้ให้จากพระเจ้าของพวกเขา ซึ่งไพ่ตายนี้ เมื่อรวมกับหัวหน้าอัจฉริยะของหน่วยคัมภีร์ดำ สามารถรับมือกับกองทัพ 500 นี้ได้ พวกเขาดูถูกจักรวรรดิที่ไปเข้าร่วมกับอาณาจักรผู้ร่ายเวท และโกรธความโง่ที่ราชอาณาจักรเอากองทัพตัวเองไปถูกกวาดล้าง ซึ่งราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในดินแดนยุทธศาสตร์ของเทวาธิปไตยสเลน พวกเขาตัดสินใจส่งทูตไปที่จักรวรรดิ เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของจักรวรรดิและอาณาจักรผู้ร่ายเวท
และได้พยายามหาความเชื่อมโยงระหว่างราชาผู้ร่ายเวท โมมอน ยัลดาเบ๊าท์และแวมไพร์ (พูดถึงแชลเทียร์) ที่แข็งแกร่ง และปรากฏในเวลาไล่เรียงกัน ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าถึงเวลาที่พระเจ้าจะกลับมาจุติยังโลก พวกเขายังได้รับรายงานว่าเมืองเอ-รันเทลถูกปกครองด้วยสันติ ไม่มีการก่อจราจลหรือปฏิวัติ และประชาชนอยู่กันอย่างธรรมดาเหมือนเวลาปกติ ที่นั่นมีเดธไนท์เป็นยาม มีโซลอีเตอเป็นม้าลากเกวียน พวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่เป็นปรปักษ์กับไอนซ์ ในขณะที่กำลังทำสงครามกับเอลฟ์ และส่งข้อความไปหาดรากอนลอร์ดเรื่องเกี่ยวกับเอลฟ์ ทั้งยังตัดสินใจว่าจะไม่ใช้เวิร์ลไอเท็มควบคุมจิตใจกับไอนซ์ แต่จะใช้กับ ดรากอนลอร์ดอีกตน ถ้าเจอตัว
ในจักรวรรดิบาฮารุท จักรพรรดิจิรุคุนิฟุ เครียดจัด จนผมร่วง สุขภาพก็ทรุดโทรม ถึงกับติดยาโพชั่นเพื่อแก้เครียด พวกทหารต่างก็กล่าวโทษเขา โดยที่เชื่อว่าเขานั้นรู้ถึงความสามารถเวทมนตร์ของราชาผู้ร่ายเวท หลังจากที่ได้รับการติดต่อจากทูตของเทวาธิปไตยสเลน เขาก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนที่ ไปเจอกันที่โคลอสเซียม พร้อมกับนัดนักบวชระดับสูงสองคนของวิหารไปด้วย
ไอนซ์กับไอแซค ตัดสินใจมาโปรโมทกิลด์นักผจญภัยที่โคลอสเซียม ไอนซ์ได้ไปพบกับฟูรุดะ ทำให้ได้รู้ว่าอำนาจและอิทธิพลของฟูรุดะลดลงมาก หลังจากที่จิรุคุนิฟุรู้ว่าฟูรุดะทรยศ ไอนซ์ได้เสนอให้ฟูรุดะมาวิจัยเวทมนตร์ให้อาณาจักรผู้ร่ายเวท ทั้งยังมอบหนังสือแห่งความตายกับให้ฟูรุดะไปศึกษาด้วย แต่ฟูรุดะยังต้องอยู่ต่อที่จักรวรรดิไปก่อน ไอนซ์กับไอแซคได้ไปพบโอสุกุ(ออส์ก โอส์ก) โปรโมเตอร์ของโคลอสเซียม และได้นัดกันอย่างลับๆ ให้ไอนซ์กับมาเชียลลอร์ดโกกิน ได้ต่อสู้กัน โดยมีเงื่อนไขว่าไอนซ์ต้องไม่ใช้เวทมนตร์
จักรพรรดิจิรุคุนิฟุมาที่โคลอสเซียมพร้อมกับบาจิอุโด (บาซีวูด)และนินบูรุ (นิมเบิล) สองอัศวิน ได้พบกับ ซิลเวอร์เทรดเบิร์ด ทีมนักผจญภัยระดับอะดาแมนไทน์ที่เขาว่าจ้างให้มาเป็นผู้คุ้มกันระหว่างการพบปะลับกับตัวแทนของเทวาธิปไตยสเลนและนักบวชระดับสูงสองคนจากวิหาร ขณะที่กำลังจะเริ่มประชุม ไอนซ์ก็ได้ปรากฏตัวที่โคลอสเซียมในฐานะผู้ท้าชิง ทุกคนที่อยู่ในที่ประชุมตกใจมาก ตัวแทนจากสเลนกล่าวหาจิรุคุนิฟุว่า นี่เป็นแผนการที่เขาวางไว้ก่อน และรีบออกจากที่ประชุม จิรุคุนิฟุตกอยู่ในความสิ้นหวังกับการที่ถูกไอนซ์มองแผนการล่วงหน้าออก และมองเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามจิรุคุนิฟุก็สามารถโน้มน้าวนักบวชทั้งสองได้ระดับหนึ่ง แต่ความจริงแล้วไอนซ์ไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับแผน หรือการประชุมของจิรุคุนิฟุเลยแม้แต่น้อย ไอนซ์แค่จะมาต่อสู้ โปรโมทกิลด์นักผจญภัย และค้นหานักผจญภัยที่จะเข้าร่วมกับเขาเท่านั้น
ณ โคลอสเซียม ไอนซ์ได้เข้าสู่สนามต่อสู้กับโกกิน เขาต่อให้โกกินด้วยการใส่อุปกรณ์ระดับต่ำ ปิดกั้นความสามารถยกเลิกความเสียหายจากการโจมตีเบา ก่อนโกกินเข้าสนาม ไอนซ์เห็นจิรุคุนิฟุ จึงบินขึ้นไปขอโทษ เขาคิดว่าจิรุคุนิฟุรู้เรื่องที่เขาข้ามเขตแดนมาโดยผิดกฏหมายและไม่บอกกล่าว ส่งผลทำให้การประชุมลับถูกยกเลิก และจิรุคุนิฟุสูญเสียความไว้วางใจจากเทวาธิปไตยสเลน พอโกกินเข้าสนามผู้คนรวมไปถึงจิรุคุนิฟุ ต่างเชียร์โกกิน โกกินรับรู้ได้ถึงความสามารถของไอนซ์ ทั้งสองมีการกำหนดเงื่อนไขของผู้ชนะ ถ้าไอนซ์ชนะ โกกินต้องมาเป็นลูกน้อง และถ้าโกกินชนะ จะขอกินไอนซ์แทน
การต่อสู้ดำเนินไป โกกินรู้ตัวว่าจะแพ้ จึงขอให้ไอนซ์ใช้พลังที่แท้จริง การต่อสู้จบลงด้วยการพ่ายแพ้และตายของโกกิน ไอนซ์ประกาศโปรโมทกิลด์นักผจญภัยที่จะสร้างขึ้นใหม่ และจะสนับสนุนนักผจญภัยด้วยพลังของเขา ให้นักผจญภัยเติบโตก่อนที่จะตายไป เสร็จแล้วจึงชุบชีวิตโกกิน และเชิญชวนผู้ที่อยากผจญภัยให้ไปเยี่ยมอาณาจักรผู้ร่ายเวท
ไอนซ์บินไปคุยกับจิรุคุนิฟุอีกครั้ง แต่คราวนี้จิรุคุนิฟุยอมตกลงที่จะตกเป็นเมืองใต้การปกครองของอาณาจักรผู้ร่ายเวท ไอนซ์ประหลาดใจมาก แต่ก็ปฏิเสธและให้ยื่นคำร้องมาวันหลัง หลังจากไอนซ์จากไป จิรุคุนิฟุก็ได้คุยกับอัศวินทั้งสองว่า เขายอมรับความพ่ายแพ้ และพยายามค้นหาเหตุผลว่าทำไมไอนซ์ถึงปฏิเสธข้อเสนอ คิดว่าไอนซ์คงวางแผนอย่างอื่นไว้ ท้ายที่สุดจิรุคุนิฟุก็ตัดสินใจที่จะตกเป็นเมืองภายใต้การปกครอง โดยการกระจายข่าวไปให้อาณาจักรข้างเคียง
กลับมาที่นาซาริก เดมิอุรุอุสได้กลับมาจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ต้องการเข้าเฝ้าไอนซ์ พบว่ามีแต่อัลเบโดทีอยู่ในห้องทำงาน เขาจึงได้รู้ว่าไอนซ์ได้ตัดสินใจเดินทางไปเยือนอาณาจักรคนแคระพร้อมกับแชลเทียร์และออร่า เดมิอุรุอุสยังตกใจอีกว่า ทางจักรวรรดิได้ยื่นคำร้อง เสนอตัวเป็นเมืองภายใต้การปกครองของอาณาจักรผู้ร่ายเวท ที่เร็วกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก (TLN: เดมิอุรุอุส: สมกับเป็นทั่นไอนซ์) วิธีเร็วที่สุดที่เดมิอุรุอุสคิดได้ กับการให้จักรวรรดิมาเป็นเมืองใต้การปกครองนั้นต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน แต่ไอนซ์ใช้เวลาเพียงสามวัน แต่นี่ก็ทำให้ทั้งคู่ถูกกระตุ้นให้ตั้งใจทำงานมากขึ้น หวังว่าจะจัดการเรื่องการเข้ามาเป็นเมืองใต้การปกครองของจักรวรรดิ และแผนการผนวกราชอาณาจักรรี-เอสทีเซ เสร็จสิ้นก่อนไอนซ์จะกลับมา
ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก : overlordmaruyama.wikia.com
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account
ขอบคุณมากๆครับ
ReplyDeleteขอบคุณมากๆครับ รอเมะภาค4จนจะลงแดงละ55
ReplyDeletethx you very much
ReplyDeletethx you very much
ReplyDeleteขอเล่ม 11 ด้วยได้ไหม สงสารหนูเถอะ
ReplyDeleteขอบคุณหลายๆๆนะ
ReplyDeleteขอบคุณครับบบ
ReplyDeleteน่าติดตามมาก คนแต่งจิตนาการสุดยอดเลย
ReplyDelete