สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 2)
Overlord LN Vol 09 - Chap 4 Massacre (ตอนที่ 2)
/ Overlord Light Novel Volume 09 - Chapter 4 Massacre (ตอนที่ 2)ส่วนที่ 2 นี้คือเนื้อเรื่องของนิยายเล่มที่ 9 บทที่ 4 ตอนที่ 2 ซึ่งต่อจากตอนที่ 1 (ส่วนที่1) ของโพสต์ก่อนหน้าเลย
หมายเหตุ: บางเหตุการณ์อาจถูกข้ามฉากไปเมื่อทำเป็นอนิเมะ และอาจมีเนื้อเรื่องที่สปอยล์เกินตอนไป
หมายเหตุ2: เนื้อเรื่องของเล่มที่ 9 บทที่ 4 ตอนที่ 2 นี้ คาดว่าจะตรงกับเนื้อเรื่องของอนิเมะ ซีซั่น 3 ตอนที่ 12 เช่นกัน
หมายเหตุ3: เนื้อเรื่องในตอนนี้ไม่เหมาะกับเด็ก สตรีและคนชรา มีเนื้อหารุนแรงและ 18+ โปรดปั่นจักรยานขณะรับชม (ใช้วิจารณญาณ)
VVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVV
บทที่ 4 การสังหารหมู่
ตอนที่ 2
เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนั้นได้
สิ่งที่มีชีวิตทุกๆอย่างที่ปีกซ้ายของกองทัพของราชอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย - ม้า ทหารเกณฑ์ อัศวิน ขุนนาง ทุกๆอย่าง - ล้มและทรุดตัวลงบนพื้นโดยฉับพลัน เหมือนดั่งหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย
กลุ่มที่เข้าใจคำตอบก่อนคือกองกำลังของจักรวรรดิ ที่จัดแถวอยู่ในด้านตรงข้าม
มันต้องใช้เวลาสักครู่ที่ความคิดของมนุษย์จะสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นหลังจากความล่าช้าเล็กน้อย พวกเขาได้เริ่มเข้าใจถึงความสยดสยอง กองกำลังจักรวรรดิส่งเสียงดังด้วยความตื่นตกใจเป็นอันมาก
หลังจากที่มองดูไอนซ์ อูล โกนกางวงเวท พวกเขาสันนิษฐานว่าเขากำลังร่ายคาถาบางอย่าง สิ่งนี้คือสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้
อย่างไรก็ตาม ใครจะไปอาจจินตนาการได้?
ใครจะไปคาดคิดว่าคาถาที่น่ากลัวนั้นได้ถูกร่ายขึ้นที่นี่? คาถาที่ร่ายที่ได้สังหารไป 70,000 คน - ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่ากองกำลังทั้งหมดของจักรวรรดิ - ในพริบตาเดียว มันได้ดับชีวิตพวกเขาอย่างเด็ดขาดและสมบูรณ์
ไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของพวกเขา อัศวินของจักรวรรดิสวดมนต์อ้อนวอนถึงพระเจ้าองค์ใดก็ตามที่พวกเขาศรัทธา
พวกเขาอธิษฐานให้ผู้คนของราชอาณาจักรยังไม่ตาย พวกเขาวิงวอนว่าเวทมนตร์ที่น่ากลัวนั้นไม่ได้มีอยู่ในโลกนี้
แน่นอนว่า เมื่อพวกเขามองเห็นความจริงที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขา - ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ลุกขึ้นมาจากที่ๆพวกเขาล้มลง - พวกเขาก็ได้รู้ตัวว่ามันเป็นแค่ความหวังอันไร้เดียงสาเท่านั้น
แต่กระนั้น มันไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับว่านี่เป็นเรื่องจริง
ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิ หนึ่งในสี่อัศวิน นินบูรุ ได้แต่จ้องมองเงียบๆด้วยความตกใจกลัวและสามารถมองเห็นได้ว่าเขากัดฟันของเขาอย่างหวาดกลัว เขาได้แต่มองไปยังปีกซ้ายของกองกำลังของราชอาณาจักรที่ประชากรลดหายไปโดยกะทันหัน
ไม่มีใครลุกขึ้นมา นี่เป็นความจริงที่น่าสยดสยองอย่างมาก มากเกินกว่าจะยอมรับได้
แต่ความจริงที่น่ากลัวนี้ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูดธรรมดา ไอนซ์ อูล โกน - ผู้ร่ายเวท ทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง - เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถยึดครองประเทศที่มนุษย์สร้างขึ้นและทำลายล้างพวกเขาได้ เหมือนอย่างเด็กที่เตะปราสาททรายล้มลง
นั่นมันเป็นความความจริงที่อยู่เหนือความสามารถที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ความตื่นตกใจที่ได้ห่อหุ้มกองกำลังของจักรวรรดิค่อยๆระบายออกไปเหมือนกับน้ำ
ท้ายที่สุด ทุกคนตกลงสู่ความเงียบ ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมา
อย่างไรก็ตาม เสียงแปลกๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของขบวนกองทัพของจักรวรรดิ เสียงนั้นเกิดจากหลายๆเสียงผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นเสียงอึกทึกครึกโครม มันเป็นเสียงฟันของอัศวินทุกคนที่กำลังกระทบกัน
มันเป็นความหวาดกลัวที่เกิดจากการตระหนักได้ว่า จักรวรรดิ สถานที่ที่พวกเขาและครอบครัวอาศัย ขณะนี้ได้ยืนอยู่บนขอบของการดับสูญเช่นเดียวกับราชอาณาจักร
นี่ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ หากพวกเขากล้าโจมตีไอนซ์ อูล โกน เวทมนตร์เดียวกันอันน่ากลัวนี้อาจจบลงด้วยการโจมตีใส่พวกเขา . . .
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นินบูรุคิดอะไรบางอย่าง สีหน้าแบบไหนที่ผู้ร่ายเวทเช่นนี้ - ผู้ที่คิดเวทมนตร์ที่สามารถเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตในจำนวนที่เกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ - สีหน้าประเภทไหนที่มีบนใบหน้าของเขา?
โดยที่ไม่ได้ขยับใบหน้า เขาสอดแนมสัตว์ประหลาดที่ยืนข้างๆเขา ไอนซ์ อูล โกน แต่ทั้งหมดที่เขาเห็นคือความไร้อารมณ์ (TLN: มองทะลุหน้ากาก?)
มันเป็นไปได้อย่างไร? นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้? คนอย่างเขา . . . สงบอย่างนี้ได้อย่างไร? แม้หลังจากฆ่าไป 70,000 ชีวิต?! แม้สนามรบจะเป็นสถานที่แห่งความตาย คนอ่อนแอได้สูญเสียชีวิตของพวกเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเขาควรจะรู้สึกบางอย่างในใจหลังจากที่ได้ฆ่าคนไปมากมาย?!!
ความเศร้าหรือความรู้สึกผิดควรเป็นการตอบสนองโดยธรรมชาติ หากเขาสุขใจหรือตื่นเต้นนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ พวกไร้ศีลธรรมจะตอบสนองเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม -
ความเฉยเมยอย่างนี้เป็นความสามารถป้องกัน ในการปกป้องความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาหรือเปล่า? ไม่ สำหรับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ นี่น่าจะเป็นฉากที่คุ้นเคย! ไม่ว่าจะเป็นความสงสาร ที่มนุษย์รู้สึกเมื่อเหยียบมดที่อยู่บนพื้น หรือที่พวกซาดิสต์จะรู้สึกเบิกบานใจ ไม่มีอารมณ์เหล่านี้แสดงอยู่เลย!! อะไร . . . นี่มันอะไรกันนี่?!!! ทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น? ทำไมถึงมีคนเช่นนี้อยู่ในโลก?!!!
"- มีอะไรอย่างนั้นรึ?"
"อออไอ้!"
ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนถูกหุ้มไปด้วยเหล็กที่เย็น (TLN: . . .) ในการตอบสนองกับคำถามที่ถูกถามอย่างกะทันหัน นินบูรุตอบโต้ด้วยการร้องเสียงแหลมด้วยความตื่นตระหนก
"ไม่ - ไม่มีอะไรครับ นั่น คาถานั่นเมื่อสักครู่นี้ มันวิเศษมากครับ (TLN: หรือแปลว่า ดีเลิศ อลังการ งดงาม สง่างาม หรูหรา ไม่ธรรมดา)"
นินบูรุรู้สึกขอบคุณที่ตัวเขายังสามารถพูดได้ ยิ่งไปกว่านั้น - ความจริงที่ว่า เขาสามารถสรรเสริญไอนซ์ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้นั้น มันช่างน่ายกย่อง
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า -"
และสิ่งที่นินบูรุได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะเรียบๆ
"ผม ผมได้ทำให้ท่านขุ่นเคืองหรือไม่ครับ?"
"ไม่ ไม่เลย เจ้าเพิ่งบอกว่าคาถาเมื่อสักครู่วิเศษ ใช่หรือไม่?"
"คะ - ครับ"
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหัวเราะ? เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของนินบูรุเหมือนสายน้ำ หลังจากที่ได้เห็นผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวหากทำให้ผู้นี้โกรธ เขาไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้ความโมโหของเขาเกิดขึ้น
"ได้โปรด ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามข้าอยากจะบอกว่า คาถานั้นยังไม่สิ้นสุด ตอนนี้เป็นเวลาที่การแสดงจริงๆจะเริ่มขึ้น สุดท้ายแล้วเมื่อมีใครได้ถวายของบูชาให้กับ แพะดำแห่งป่าผู้มีบุตรหนึ่งพัน (Black Goat of the Woods with a Thousand Young) เธอจะตอบแทนเป็นของขวัญด้วยลูกๆของเธอ พวกที่น่ารักน่าชัง เหล่าเด็กๆที่น่ารัก . . ."
นั่นมันถูกต้อง
และเช่นเดียวกับผลไม้สุกงอมที่จะตกลงสู่ผิวโลกเมื่อถึงเวลาที่เต็มอิ่ม -
VVVVVVVVVV
อัศวินจักรวรรดิเป็นพวกแรกที่ได้เห็น
มันก็อยู่ในความคาดหมาย เหล่าอัศวินที่กำลังมองดูจากระยะที่ปลอดภัยนั้นที่สามารถมองเห็นได้ก่อน เพราะว่าพวกเขารู้สึกปลอดภัย จึงกล้าที่จะมองไปด้านนอกผ่านช่องแคบของหมวกพวกเขา
หลังจากพายุแห่งความตายได้ทวงเอาชีวิตเหล่าทหารของราชอาณาจักร มีบางอย่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ลูกทรงกลมสีดำสนิท ที่ส่งความหนาวเย็นจนทำให้เสียวสันหลังสำหรับทุกคนที่ได้เห็นมัน มันดูเหมือนว่าจะทำให้โลกปนเปื้อนด้วยการมีอยู่ของมัน
ดังนั้น ใครทางฝ่ายราชอาณาจักรที่ได้เห็น? มีแนวโน้มว่าจะเป็นกองทหารปีกขวา กลุ่มที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นของอีกฝั่ง บางทีพวกเขาอาจรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่รู้รายละเอียดของสิ่งนั้น และเช่นนั้นพวกเขามองไปรอบๆเพื่อหาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ได้เห็น
ราวกับว่าดวงตาของพวกเขาถูกนำทางไปที่นั่น ทหารของทั้งสองฝ่าย และทหารด้านข้างสังเกตเห็นมัน เช่นนี้ทุกๆคนบนที่ราบแคทเซ ที่ได้มารวมตัวกันเพื่อทำสงคราม ลงท้ายด้วยการจ้องมองมันอย่างเงียบๆ ไปที่ลูกทรงกลมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ลูกทรงกลม - ที่ดูเหมือนหลุมในสวรรค์อย่างมาก (TLN: ดูเหมือนรูสีดำ ที่เปิดบนท้องฟ้า) - เหมือนกับใยแมงมุม ที่เมื่อใครได้เห็นมันแล้ว ผู้นั้นไม่อาจละสายตาจากมันได้
ลูกทรงกลมค่อยๆใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือหลบหนี ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ได้เริ่มคิดหรือทำสิ่งที่ความหมาย ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้คือการมองเงียบๆโดยพูดอะไรไม่ออก (TLN: หรือแปลว่า อึ้ง)
และทันที - ผลไม้ที่สุกงอมได้ร่วงหล่น
เช่นเดียวกับกฏแห่งจักรวาล ลูกทรงกลมที่ตกลง แตกออกเป็นชิ้นเมื่อแตะกับพื้นโลก มันระเบิดเหมือนลูกโป่งน้ำกระแทกพื้น หรือบางทีก็เหมือนผลไม้ที่สุกงอมมากเมื่อตกลงมา
มันเต็มไปด้วยบางอย่างที่แพร่กระจายออกมาจากจุดที่ตกกระทบ มันเหมือนบางอย่างที่คล้ายกับยางมะตอย มันดูดซับแสง เหมือนคลื่นแห่งความมืดที่หิวโหย มันเหนียวและเหลว มันกลืนซากศพของเหล่าทหารที่ตายของราชอาณาจักร
ถูกบอกด้วยสัญชาตญาณลึกลับ ไม่มีใครคิดว่ามันจะจบลงที่นี่ บางทีมันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความสิ้นหวัง
ทันใดนั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่โตขึ้นจากน้ำมันดินสีดำที่ปกคลุมผิวโลก ไม่ มันไม่น่ารื่นรมย์เหมือนต้นไม้
ตอนแรก มันมีแค่ลำต้นเพียงอันเดียว แต่จากนั้นมันเพิ่มจำนวน สอง สาม ห้า สิบ . . . พวกมันโบกไปมาตามลม ที่ลมนั้นไม่มีอยู่ที่นั่น สิ่งที่กำลังเติบโตอยู่นั่น . . . คือ หนวด (TLN: หรือแปลว่า หนวดสัตว์ งวง เช่น หนวดปลาหมึก ไม่ใช่หนวดที่อยู่ระหว่างปากกับจมูกนะ)
"แหมมมมมมมมมะ!!" ("แม แอะ แอะ แอะ แอะ!!")
ทันใดนั้น พวกเขาได้ยินเสียงร้องน่ารักของแพะ และนั่นไม่ใช่แพะเพียงตัวเดียว เสียงของแพะทั้งฝูงที่จู่ๆก็ดังออกมา
ราวกับว่าถูกดึงดูดด้วยเสียง ยางมะตอยดิ้นไปมา และมันให้กำเนิดบางสิ่ง
มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูประหลาดมากเกินไป ผิดธรรมชาติอย่างมาก
มันมีความสูงสิบเมตร แต่ถ้าหากเพิ่มด้วยความยาวของหนวด ความสูงก็จะไม่แน่ชัด
เมื่อมองผ่านๆ มันดูคล้ายกับหัวผักกาดบางชนิด ในที่ของใบมันมีหนวดสีดำนับไม่ถ้วน และร่างกายของมันเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยก้อนเนื้อที่ปูดขึ้นมา ข้างใต้มันมีขาห้าขา ที่เหมือนกับขาของแพะ ที่มีปลายเป็นกีบสีดำ
มีรอยแยกปรากฏขึ้นทั่วร่างของมัน - ก้อนเนื้อหนาใหญ่ที่ปกคลุมด้วยก้อนเนื้อหลายๆก้อน - กะเทาะและปริออก ด้วยกันกับเสียงของบางอย่างแตกเป็นชิ้นๆ รอยแตกพวกนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริเวณเดียว แล้วจากนั้น . . .
"แหมมมมมมมมมะ!!"
เสียงร้องน่ารักของแพะดังออกมาจากรูเปิดเหล่านั้น พวกมันคือปากที่ดุร้ายป่าเถื่อนที่น้ำลายไหลยืดออกมาไม่จบสิ้น
มีพวกมันห้าตัว
พวกมันเปิดเผยรูปร่างที่ทำให้เสียวสันหลังให้กับทุกคนบนที่ราบแคทเซ ดาร์คยังแห่งแพะดำ (The Dark Young of the Black Goat)
ถือกำเนิดด้วยคาถาขั้นสุดยอด "อิอา ชุบ นิกกูรัธ - บูชายัญให้กับแบลคฮาเวสต์ (Black Harvest)" พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกอัญเชิญจากความตายของเหล่ามนุษย์ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีความสามารถพิเศษอันทรงพลังแต่อย่างใด แต่พวกมันมีความยืดหยุ่นอย่างโดดเด่น (TLN: ก้อนเนื้อยาว (สูง) หนา ใหญ่ ยืดหยุ่น อืมมมมมม)
และเลเวลของพวกมันมากกว่า 90
นี่เป็นลางบอกเหตุของพายุแห่งการนองเลือด
นอกจากเสียงร้องอันน่ารัก ที่ไพเราะอย่างน่าคลื่นไส้และน่ารักจนทำให้ผู้คนอยากจะอาเจียน มันไม่มีเสียงอื่นใดอีก นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นๆต่างพูดไม่ออก ไม่เต็มใจที่จะเชื่อหรือยอมรับกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของพวกเขานั้น ว่ากำลังเกิดอย่างแท้จริง มากกว่า 300,000 - หรือถ้าจะนับแค่เฉพาะคนที่ยังมีชีวิต 235,000 - คนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ และไม่มีใครเลยที่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ไอนซ์หัวเราะอย่างเบิกบาน
"น่าอัศจรรย์ นี่คือสถิติใหม่ ในประวัติศาสตร์ทั้งหมด ข้าอาจเป็นผู้เดียวที่สามารถเรียกออกมาได้ห้าตัวภายในครั้งเดียวได้สำเร็จ ยอดเยี่ยม ข้าต้องขอบคุณทุกคนที่ตายที่นี่ในวันนี้"
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ทุกๆการอัญเชิญของดาร์คยัง จะสร้างออกมาเพียงแค่หนึ่งตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้มีการเฉลิมฉลองกันแล้ว การที่สามารถเรียกออกมาได้สองตัวนั้นหาได้ยาก
และตอนนี้ มันมีห้าตัว
เช่นเดียวกับผู้เล่นที่เฉลิมฉลองให้กับการที่พิชิตคะแนนสูงสุดของตัวเอง ไอนซ์ดีใจมากกับความจริงที่ว่าเขาได้สร้างสถิติใหม่ แล้วมันจะยังไงถ้ามีคนได้ตายเพื่อมัน?
"อย่างไรก็ตาม . . . มันจะดีกว่าถ้ามีมากกว่านี้ . . . หรือห้าตัวคือขีดจำกัด? ถ้าข้าได้ไปถึงขีดจำกัดเรียบร้อยแล้ว นี่ถือเป็นความสำเร็จทีเดียว"
"ขอแสดงความยินดีด้วยครับ! สมกับเป็นท่านไอนซ์!"
ไอนซ์ยิ้มภายใต้หน้ากากขณะที่มาเร่ชื่นชมเขา
"ขอบใจ มาเร่"
หลังจากนั้น นินบูรุหันกลับโดยอัตโนมัติ ใบหน้าของเขาเป็นอะไรที่อยู่ประมาณระหว่างน้ำตาและการหัวเราะ (TLN: ไม่รู้อยากจะร้องไห้หรือหัวเราะดีนั่นเอง เพราะเหตุการณ์มันน่าขำขันมากจนอยากจะหัวเราะ แต่ก็เศร้าเสียจนอยากจะร้องไห้) ขณะที่เขากล่าวชมไอนซ์เช่นกัน
"ขะ - ขอแสดงความยินดีด้วยครับ"
"ด้วยความยินดี"
ไอนซ์ตอบด้วยอารมณ์ขัน
ท่าทีของนินบูรุที่เถรตรงทำให้รบกวนใจของไอนซ์
นอกจากนี้ เขายังจำวันที่เขายังเป็นผู้เล่นของอิกดราซิล ด้วยอารมณ์เดียวกันกับที่เขามี เมื่อเขาเห็นการร่ายคาถา 'อิอา ชุบ นิกกูรัธ!' ครั้งแรก
เนื่องจากเป็นคาถาขั้นสุดยอดที่ฉูดฉาดบาดตา ดูเหมือนมันจะขโมยหัวใจของผู้คน ก็นะมันก็สมกับความคาดหวัง ที่มันเป็นหนึ่งในคาถาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอิกดราซิล ในตอนที่ผมพูดว่าผมจะร่ายมัน อัลเบโดและเดมิอุรุอุสไม่สามารถที่จะหยุดสรรเสริญผมอย่างมากเกินไปได้เลย
เสียงกาชิกาชิ (TLN: เสียงสั่นสะท้าน เสียงหนาวสั่น เสียงสั่นกึกๆ?) ผุดขึ้นมาจากแถวของกองทัพของจักรวรรดิ
มันเป็นเสียงของชุดเกราะกระทบกัน
ร่างกายของเหล่าทหารต่างสั่นด้วยความกลัว แต่ไม่มีใครที่จะหัวเราะเยาะพวกเขา
ไม่มีใครที่ไม่ขนลุกหลังจากที่ได้ยินเสียงหัวเราะของราชาผู้ร่ายเวท ที่ได้ร่ายคาถาที่หนาวไปถึงกระดูกนั่น
ทุกๆคนในอัศวินของจักรวรรดิขอความปรารถนาเดียวกัน
พวกเขาปรารถนาว่าความโกรธกริ้วของไอนซ์ อูล โกนจะไม่มาลงที่พวกเขา ในแง่ที่ว่ามันเป็นเหมือนกับการอธิษฐานมากกว่า
ระหว่างที่เหล่าทหารวิงวอนต่อพระเจ้าให้ช่วยเหลือ ด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า ไอนซ์ได้เริ่มขั้นตอนถัดไป เขารู้สึกว่าเขาได้ทำอย่างเพียงพอแล้ว แล้วก็อีกครั้ง มันไม่เสียหายที่จะทำให้แน่ใจ
ในรอบนี้ วัตถุประสงค์คือการประกาศอำนาจของไอนซ์ อูล โกน ผู้ที่ใช้เวทมนตร์ขั้นสุดยอด ไปยังประเทศต่างๆ
วัตถุประสงค์นั้นประสบความสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้ลูกน้องพวกนี้หายไปจะเป็นการสิ้นเปลือง
ถูกต้อง มันจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป ไอนซ์ส่งเสียงออกมาจากทางจมูก
ถ้าเขามีลิ้น เขาคงเลียริมฝีปากในการรอคอยอย่างคาดหวัง (TLN: ต้องมีริมฝีปากด้วยงั้น)
นี่เป็นความเบิกบานใจที่เขาไม่สามารถรู้สึกได้ในอิกดราซิล ความเบิกบานใจกับการที่สามารถสั่งการดาร์คยังห้าตัวพร้อมๆกัน
"- อา มาลองดูกัน เหยียบย่ำพวกมัน เหล่าลูกแกะที่น่ารักของข้า" (TLN: ม่ายยยยยย ไปหมดละความเป็นมะนงมะนุษย์)
เมื่อพวกมันได้รับคำสั่งจากไอนซ์ ผู้อัญเชิญพวกมัน ดาร์คยังเริ่มต้นเคลื่อนที่ช้าๆอย่างอุ้ยอ้าย
ด้วยความงุนงง การย่างก้าวของขาห้าขา พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวอย่างว่องไว แทนที่จะบอกว่านิ่มนวล (TLN: หรือแปลว่าสง่างาม สวยงาม สุภาพ มีมารยาท เมตตา) อย่างไรก็ตามมันเหมือนกับความยุ่งเหยิงที่ปั่นป่วนของการเคลื่อนไหวและพลังงานมากกว่า จากบางมุมมองพวกมันอาจเห็นว่าน่าหัวเราะ
ตราบเท่าที่พวกมันไม่ได้วิ่งมาหาคุณ
ร่างกายขนาดมหึมาของมันขยับเล็กน้อยและดาร์คยังห้าตัวได้เริ่มวิ่ง ขณะที่พุ่งเข้าไปในกองกำลังของราชอาณาจักร
[อา ใช่ มันมีสาม - ไม่สิ สี่คน ที่พวกเจ้าไม่สามารถฆ่าได้ ข้าห้ามไม่ให้ทำร้ายพวกเขาเป็นอันขาด]
ขณะที่เขาจำได้ว่ามันมีคนสามคนที่เดมิอุรุอุสต้องการไว้ใช้ชีวิต ไอนซ์ส่งคำสั่งทางจิตไปหาดาร์คยัง
VVVVVVVVVV
"นี่เป็นความฝัน?"
ทหารของราชอาณาจักรต่างพูดพึมพำให้กันและกัน ที่ที่อยู่ไกลจากปีศาจที่ผิดมนุษย์ แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดตอบคำถามพวกเขา ตาของพวกเขาต่างจ้องไปที่ฉากที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาสิ้นกำลังที่จะพูด มันเหมือนกับวิญญาณของพวกเขาถูกขโมยไป
"เฮ้ นี่คือความฝัน ใช่มั้ย? ฉันต้องกำลังฝันอยู่ ใช่มั้ย?"
"อ่าาา นี่มันฝันร้ายแน่ๆ"
คำถามครั้งที่สองที่ถูกถาม มีบางคนที่ตอบมันได้ แต่การตอบสนองนั้นบอกเป็นนัยว่าพวกเขาต้องการหนีจากความเป็นจริง แต่มันเป็นไปไม่ได้
พวกเขาแค่ไม่ต้องการที่จะเชื่อ
ความคิดเช่นนี้แพร่กระจายไปยังทหารราบ แม้ว่าขณะที่รูปร่างที่อุ้ยอ้ายค่อยๆใหญ่ขึ้นอย่างมั่นคง แม้ว่าขณะที่สิ่งที่ดูผิดมนุษย์จะเข้ามาใกล้กับพวกเขา พวกเขาก็ยังคงไม่ต้องการยอมรับว่า นี่คือความเป็นจริง
ถ้าพวกมันเป็นสัตว์ประหลาดธรรมดา บางทีพวกเขาอาจรวบรวมความกล้าและจับความอาวุธขึ้นสู้ อย่างไรก็ตาม เหล่าสิ่งที่ปรากฏตัวหลังจากกองกำลังจำนวน 70,000 ถูกเข่นฆ่าอย่างฉับพลัน มันไม่อาจเป็นสัตว์ประหลาดธรรมดาได้ มันเหมือนกับกำลังมองดูพายุเฮอร์ริเคนที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา และไม่มีใครสามารถรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันได้
สิ่งมหึมา แต่ยังรวดเร็วผิดธรรมชาติ กำลังวิ่งควบบนขาอ้วนม่อต้อที่หนาของพวกมัน พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
"หยิบหอกขึ้นมา!"
มีเสียงดังขึ้น
มันมาจากปากของขุนนางคนหนึ่ง เสียงกรีดร้อง แหลมสูง เป็นเสียงสูง (falsetto) ที่เกิดจากความสิ้นหวัง ตาของเขาแดงด่ำและโฟม (TLN: ฟองน้ำลาย) ออกมาจากมุมปากของเขา
"ยกหอก! หยิบหอกขึ้นมา!! หยิบหอกถ้ายังอยากมีชีวิต!!!"
แม้ว่าเขาจะสูญเสียความคิดไปแล้วจากความกลัวและมันยากที่จะเข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร แต่เขาก็ยังสามารถพูดคำสั่งออกมาได้อย่างชัดเจน "ยกหอก" เมื่อคิดย้อนกลับไป นี่อาจเป็นคำสั่งที่ดีที่สุดที่เขาจะสั่งได้
ทำโดยอัตโนมัติ เหล่าทหารยกหอกและจัดเตรียมหอกของพวกเขา จัดตำแหน่งเป็นแถวหอกที่ค้ำยันกับพื้น
พวกเขาฝังด้านปลายลงกับพื้นอย่างหนักแน่น เช่นนั้นความเร็วของคู่ต่อสู้จะทำร้ายตัวพวกมันเอง เมื่อพวกมันพุ่งเข้ามาใส่ปลายแหลมของแนวกั้น
แม้ว่ารูปแบบนี้จะทำให้อัศวินของจักรวรรดิเกือบที่จะไม่สามารถทำลายมันได้ พวกทหารราชอาณาจักรสงสัย - ในส่วนเล็ก ที่เป็นมุมที่แยกออกจากความคิด ที่ยังคงกระจ่างไม่สับสน - พวกเขาจะทำอะไรได้ด้วยหอกเล็กกระจิดริดที่พวกเขากำลังกำอยู่ บางทีพวกเขาอาจคิดว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พวกเขาจะรอดไปได้
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีไปจากใต้กีบเท้าของสิ่งมีชีวิตที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ด้วยความเร็วผิดธรรมชาติ แม้ว่าพวกเขาจะวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาก็ยังคงถูกเหยียบย่ำจนกลายเป็นกองเละเหลวสีแดง
หวังว่าสัตว์ประหลาดจะไม่มาหาพวกเขา เหล่าทหารค้ำหอกของพวกเขาและรอการพุ่งเข้ามา
สัตว์ประหลาด - ที่ควรดูเล็กมากในระยะไกล - ลดระยะทางเข้ามาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ขณะที่พวกมันตัวใหญ่ขึ้น พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนภายใต้เสียงกีบเท้าที่ดังสนั่น หัวใจของเหล่าทหารเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง
จากนั้น ขณะที่หัวใจของพวกเขารู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมาจากอก เงามหึมาปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาของพวกเขา
มันเหมือนกับรถดัมพ์ชนโครมเข้าใส่ฝูงหนู
เหล่าทหารของกองทัพของราชอาณาจักรยกหอกขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา แต่อะไรที่พวกเขาจะใช้ต่อต้านร่ายกายที่แข็งและใหญ่โตของดาร์คยังได้? หอกหัก (TLN: หรือแปลว่า แตกและส่งเสียงดัง) เหมือนกับไม้จิ้มฟัน โดยที่ไม่มากไปกว่าการเกา (TLN: หรือแปลว่า รอยถลอก รอยข่วน) ผิวหนังที่ใหญ่โตของมัน (TLN: ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน)
ดาร์คยังเหยียบย่ำไปบนร่างของทหารของราชอาณาจักรที่อยู่ใต้เท้า ชิ้นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วนจากหอกมากมายที่แตกละเอียดบินว่อนไปบนอากาศ
แม้ว่าพวกมันจะบดขยี้การต่อต้านที่พวกมันนับไม่ได้ว่าเป็นการต่อต้าน ดาร์คยังแห่งแพะดำเปี่ยมด้วยเมตตาในทางของมัน
มันไม่มีความเจ็บปวด
มันไม่มีเวลาสำหรับเหยื่อของพวกมันที่จะรู้สึกเจ็บปวดก่อนที่พวกเขาจะถูกบดขยี้ภายใต้น้ำหนักที่ยิ่งใหญ่มากของดาร์คยัง (TLN: ไม่มีเวลาที่จะเจ็บตอนถูกเหยียบ เพราะตายก่อนนั่นเอง)
ทหารที่ถือหอกไม่มีเวลาพอที่จะเข้าใจได้ด้วยซ้ำว่า หอกที่พวกเขากำลังถือถูกทำลายจนกลายเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคือ เงาสีดำที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
พวกเขากรีดร้อง และกรีดร้อง และกรีดร้อง
เศษก้อนเนื้อบินไปทั่วอากาศ มันไม่ได้มาจากแค่หนึ่งหรือสองคน แต่เป็นสิบ เป็นร้อยจากเหยื่อ พวกเขาถูกเหยียบย่ำโดยกีบเท้าขนาดมหึมา และถูกโยน ไม่ ถูกเขวี้ยงทิ้งโดยหนวดที่โบกไปมา
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นขุนนางหรือสามัญชน ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นก้อนชิ้นของเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือดเหมือนกัน
บางคนมีครอบครัวอยู่ที่หมู่บ้านพวกเขา บางคนมีเพื่อนที่ทิ้งไว้ข้างหลัง บางคนมีผู้คนที่กำลังรอพวกเขาอยู่ ทันทีที่ซากศพที่ไม่สามารถจำได้ของพวกเขาถูกบดจนกลายเป็นโคลน เรื่องพวกนั้นก็ไม่มีอะไรที่สำคัญอีกต่อไป
ให้กับทุกคน ดาร์คยังมอบการปฏิบัติที่เท่าเทียมเหมือนๆกัน - ความตาย พวกมันบดขยี้มนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนบนพื้นด้วยกีบเท้า จนกระทั่งมันพึงพอใจจากการนองเลือด แต่กระนั้นพวกมันก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด
ดาร์คยังแห่งแพะดำเริ่มวิ่ง
พวกมันวิ่งต่อไป พวกมันไม่หยุดแม้ว่าจะอยู่ตรงกลางกองกำลังของราชอาณาจักร
"อิย้าาาาาาาาาาาาาาา!"
"แอบบ้าาาาาาาาาาาาา!!"
"หยุดดดดดดดดดดดดดดด!"
"ช่วยด้วยยยยยยยยยยย!"
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย!"
"อุว้าาาาาาาาาาาาาาา!"
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกครั้งที่กีบเท้าก้าวลงมา มันผสมเข้ากับเสียงเนื้อนิ่มแฉะของร่ายกายที่แหลกเหลวภายใต้กีบเท้าอันทรงพลังของดาร์คยัง และหนวดที่หนาและเต็มไปด้วยเนื้อ ตีไปโดยอิสระรอบๆด้วยความยุ่งเหยิง ในลักษณะที่ซุกซนเมื่อส่งร่างกายของมนุษย์บินไปด้วยเสียงสะบัดเหมือนแส้ที่ชวนคลื่นไส้
เสียงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดำเนินต่อไปและต่อไปโดยไม่สิ้นสุด การเหยียบย่ำ
มันจะมีคำใดที่สามารถอธิบายฉากนี้ได้ดีกว่านี้?
มีหลายคนที่แทงหอกอย่างสิ้นหวังไปด้านหน้า ดาร์คยังที่ร่างกายใหญ่มหึมาและไม่มีความตั้งใจที่จะหลบการโจมตี ถูกโจมตีจากปลายแหลมทั้งหลายอย่างจัง อย่างไรก็ตามหอกไม่สามารถทะลวงได้ลึกพอที่จะทำอันตรายต่อร่างกายที่หนาของพวกมัน ราวกับว่ากล้ามเหนื้อที่แข็งเหมือนเหล็กถูกบุด้วยหนังที่คล้ายยางและหนา
ปราศจากการเยาะเย้ยจากการต้านทานที่เปล่าประโยชน์ของพวกเขา ดาร์คยังเคลื่อนที่ไปด้านหน้าต่อ ด้วยเป้าหมายเดียว
ก่อนที่เหล่าทหารจะสำนึกได้ว่า การตัดใจที่จะยอมตายก็ยังไม่มีความหมาย ดาร์คยังได้มาถึงส่วนตรงกลางของกองทัพของราชอาณาจักร
"หนี! หนีเร็ว!"
พวกเขาได้ยินเสียงร้องตะโกนมาแต่ไกล ส่วนการตอบสนองนั้น ทหารทุกคนเริ่มวิ่งหนี มันเหมือนกับฝูงแมงมุมที่แตกกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
แต่แน่นอนว่า ดาร์คยังนั้นเร็วกว่ามนุษย์มาก
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ แผละ
เสียงของมนุษย์ถูกเหยียบย่ำ บดขยี้จนเละกลายเป็นเศษเนื้อ (TLN: เละเป็นโจ๊ก?) เสียงของชิ้นเนื้อที่บินว่อนไปทั่ว และเสียงกรีดร้องที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
VVVVVVVVVV
ราวกับว่าพวกเขาได้มาถึงในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าอันแห้งแล้ง สามตัวจากสัตว์ประหลาดทั้งหมด ได้ข้ามแนวรบตรงกลางของกองทัพและวิ่งไปทางปีกขวาท่ามกลางละอองเลือดและกองเลือด ในไม่ช้าพวกมันจะไปอยู่บนกองกำลังของเรบุน
"ถอยทัพ! ถอยทัพ!"
วิธีที่เรบุนตะโกนคำสั่งพวกนี้ใกล้เคียงกับการร้องโหยหวน (TLN: หรือแปลว่า ร้องไห้คร่ำครวญ) ไม่มีใครสามารถสู้พวกมันได้
คนๆหนึ่งไม่ควรทิ้งชีวิตไปโดยปราศจากเหตุผล
เมื่อพวกเขาได้ยินคำของเรบุน เหล่าทหารรอบๆทิ้งอาวุธของพวกเขาและวิ่งหนีอย่างแตกตื่น
แน่นอนว่า เนื่องจากมีคนเป็นจำนวนมากเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ตอนแรกเขาได้คิดว่าจะส่งสัญญาณถอยทัพให้ถอยอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาจะเฝ้าระวังการโจมตีจากด้านหลังและอื่นๆ แต่การเสียเวลาในสิ่งเหล่านั้นจะเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
"ไอนซ์ อูล โกน นายเป็นตัวอะไร นายเป็นผู้ร่ายเวทแบบไหนกัน?!"
เรบุนประเมินเขาต่ำไป ไม่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำมันแต่แรก
หลังจากที่ได้คิดถึงคำพูดของกาเซฟ สโตรนอฟก่อนที่จะได้ตัดสินใจ เขาได้วางแผนที่พิจารณาตัวไอนซ์เป็นศัตรูที่มีความสามารถสูงสุดเท่าที่จะจินตนาการได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่เขาพูดได้ตอนนี้คือเขาประเมินค่าความสามารถของผู้นี้ต่ำเกินไปเป็นอันมาก การจินตนาการของเขายังไม่เพียงพอ
ใครจะไปบ้าคาดการณ์ได้ว่าไอนซ์ อูล โกนจะเป็นผู้ครอบครองอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้? ใครจะรู้ว่ามีพลังอย่างนี้อยู่ในโลก?
กำลังเห็นเงาที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นของเหล่าสัตว์ประหลาด กองกำลังรอบๆมาร์ควิสเรบุนตะโกนออกคำสั่ง
"นี่มันไม่ใช่สนามรบอีกต่อไปแล้ว นี่มันพื้นที่สังหาร! (TLN: โรงเชือด) วิ่ง!"
"มายลอร์ด!" (TLN: ซึ่งแปลว่าเจ้าประคุณ หรือใต้เท้า? หรือจะพูดถึงพระเจ้า?) อัศวินพูดระหว่างที่เขาถอดหมวกออก "พระราชา! แล้วพระราชาล่ะ?"
"คุณมันโง่! มันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องนั้นแล้ว! มายลอร์ด! มันกำลังตรงมาหาพวกเรา!"
เมื่อพวกเขามองไปในทิศทางของเสียงร้องตะโกน ระหว่างที่พวกแคล่วคล่องได้วิ่งหนีไปแล้ว การบดขยี้ของปีกขวาก็ได้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าพวกมันกำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเป็นเส้นตรง พวกมันก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เรบุนมากเท่ากับการเหยียบย่ำไปทุกๆที่พวกมันต้องการ (TLN: เหยียบไปทุกที่ที่ไม่มีเรบุนนั่นเอง หรือพวกมันไม่ได้เหยียบเรบุน (ซึ่งควรจะโดนเหยียบ) ทั้งๆที่มันเหยียบย่ำไปทุกที่ที่มันต้องการ) ในความเป็นจริงดาร์คยังตัวอื่นนั้นอยู่ห่างจากที่ๆเรบุนอยู่
"พระราชาอยู่ที่ไหน?!"
"เขาอยู่นั่น!"
เมื่อเขามองไปยังทิศทางของธงราชวงศ์ที่ทหารชี้ไป ดาร์คยังตัวหนึ่งได้กำลังใกล้เข้าไปหา
เรบุนลังเล เขาจะทำอะไรได้ถ้าเขาไปที่นั่นเพื่อช่วย? อย่างไรก็ตามหากพระราชารันพอซซาที่สามสวรรคตที่นี่ ทั้งประเทศอาจล่มสลาย
อย่างไรก็ตาม -
"ปล่อยเรื่องนี้ให้ท่านกาเซฟจัดการ!"
เรบุนศรัทธาในตัวกาเซฟ
เขาเป็นนักรบที่ควรค่าแก่การยกย่องจากพระราชา ถึงแม้ว่าตัวเขาก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดแพะดำพวกนี้ได้ อย่างน้อยที่สุด เขาสามารถที่จะพาพระราชาออกไปจากสถานที่นรก (TLN: หรือแปลว่า สถานที่หรือฉากที่ไม่น่าพอใจเป็นอย่างมาก) นี้ได้อย่างปลอดภัย
"มาร์ควิสเรบุน! สถานการณ์ไม่ดีเลย! กรุณาถอยโดยเร็ว!"
เสียงจากอดีตนักผจญภัยระดับโอริคัลคุม เหล่าลูกน้องที่เขาเชื่อใจมากที่สุด ขัดเรบุนที่กำลังลังเล
"มายลอร์ด!"
มันเหมือนการตะโกนมากกว่าแผดเสียง เรบุนตะโกนตอบ
"เข้าใจแล้ว! ผมจะไปเดี๋ยวนี้!"
แล้ว . . . ณ จุดนี้ ในระยะเท่านี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะอำพรางการหลบหนีด้วยคำพูดหรูหรา
"โปรดปล่อยให้ผมจัดการเรื่องการระดมพล! มายลอร์ด คุณต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ และมุ่งหน้าไปยังเอ-รันเทล!"
เสียงตะโกนมาจากคนที่ตาปรือ แม้ว่าเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือ เรบุนก็ไม่มีใครที่ดีกว่านี้ที่เขาจะวางใจมอบคำสั่งให้
"ผมจะปล่อยให้คุณจัดการ! ใช้ชื่อของผมตามที่คุณเห็นสมควร! ผมจะแบกรับผลที่ตามมาเอง!"
เสียงกีบเท้าอยู่ใกล้มาก ด้วยความกลัว เขาไม่กล้าที่จะหันกลับไปดูว่ามันใกล้มากขนาดไหน เรบุนแทงสเปอร์ (TLN: หรือแปลว่า เดือยรองเท้า ที่ติดอยู่ที่รองเท้าของนักขี่ม้า เอาไว้สะกิดหรือกระตุ้นม้า) ไปที่ด้านข้างของม้าเขาอย่างสุดกำลัง แต่ทว่าม้ากลับไม่ขยับตัว แม้ว่าเขาจะเตะมันด้วยกำลังมันก็ยังคงไม่ขยับ มันบี้หูให้แบนไปกับหัวและอยู่นิ่ง
เหมือนกับการประชดกัน เมื่อคิดว่าม้าศึกที่ถูกฝึกฝนมาไม่สามารถขยับตัวเนื่องจากความกลัวได้ ระหว่างที่ม้าที่ไม่ได้ถูกฝึกวิ่งเตลิดจากความหวาดกลัว
"เมื่อคิดว่าการฝึกฝนจะส่งผลกลับกันอย่างนี้!"
ในเริ่มแรก ม้าเป็นสัตว์ที่ขี้ขลาด หลังจากที่ได้ฝึกฝนแล้วพวกมันถึงถูกพิจารณาได้ว่าเป็นม้าศึกที่ไร้ความกลัว (TLN: หรือแปลว่า กล้าหาญ) อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะการฝึกฝนอย่างแน่นอนที่ทำให้มันไม่สามารถขยับตัวได้ ความจริงที่พวกมันไม่คลั่งและวิ่งหนีภายใต้อิทธิพลของความกลัวเป็นหลักฐานว่าการฝึกฝนใช้ได้ผล
"ขอโทษด้วย! [Lion's Heart]!" (TLN: หัวใจสิงโต กล้าหาญ)
นักบวชแห่งพระเจ้าแห่งลม (priest of the Wind God) Yorlan Dixgort ร่ายคาถาต่อต้านความกลัวให้ม้า ม้าที่สงบลงส่งเสียงร้องเสียงดัง
"มายลอร์ด! พวกเราจะนำทางให้เอง!"
"กรุณาด้วย!"
ด้วยเสียงของเหล่าลูกน้องที่ต้องการให้เขาไปดี (TLN: ให้เขาได้ปลอดภัย? ให้หนีได้สำเร็จ?) สะท้อนจากด้านหลังของเขา เรบุนกระตุ้นม้าด้วยเดือยรองเท้าให้เคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้น ซึ่งถูกคุ้มครองจากเหล่าอดีตนักผจญภัยระดับโอริคัลคุม
ขี่ม้าผ่านฝูงชนที่รุนแรงและโกลาหลเป็นเรื่องยากลำบาก เช่นนี้มันก็เป็นไปได้เพราะว่ามีเหล่าอดีตนักผจญภัยระดับโอริคัลคุม ผู้ที่ยืนอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของมนุษยชาติ
หันหลังให้กับเสียงที่หวังตัวเขาให้ไปโดยสวัสดิภาพ เรบุนได้ทะลวงฝ่าการไหลของผู้คนภายใต้การคุ้มกันของเหล่านักผจญภัย
"ผู้ร่ายเวทนั่นเป็นสัตว์ประหลาด! คนอย่างเขาถูกยินยอมให้มีตัวตนบนโลกนี้ได้อย่างไร?!"
เรบุนสาปแช่งไอนซ์ขณะที่ม้าของเขากระตุกขึ้นลงใต้การควบด้วยความเร็วสูงสุด
"โธ่เว้ย! พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง! ผมต้องคิดถึงวิธีที่จะปกป้องโลกของพวกเรา - อนาคตของพวกเรา!"
ความกลัวน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงบ่นพึมพำโดยไม่รู้ตัวกับตัวเอง หากเขาไม่พูดอะไร หากเขาไม่หันเหสติของตน สมองที่ชาญฉลาดของเขาอาจวาดภาพฝันร้ายอันน่ากลัวของอันตรายที่กำลังใกล้ตัวเขา
เมื่อเขากลับไป เขาอาจจำเป็นที่ต้องนั่งลงด้วยกันกับเจ้าชายและเจ้าหญิง และร่างรูปแบบบางอย่างสำหรับการโต้ตอบต่อต้านผู้ร่ายเวทคนนั้น ผู้ที่ท้าทายต่อความคาดการณ์ในตัวเขา
ถ้านี่ดำเนินต่อไป มนุษยชาติทั้งหมดจะถูกพิชิต . . . ไม่ นั่นมันสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเป็นได้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มนุษยชาติทั้งหมดจะกลายเป็นของเล่นสำหรับไอนซ์ อูล โกน (TLN: หมายเหตุในวงเล็บนี้มโนล้วนๆ แชลเทียร์: เซ็กทอย + มาเล่นไล่จับกัน อาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า~ แล้วแปลงร่างจริง, ลูปุซเรจิน่า: ครั้งที่แล้วเล่นกับเจ้าชายยังไม่หนำใจเลย แล้วครั้งนี้ใครจะได้ขึ้นอับดับความชอบของชั้นบ้างน้า~ซู, โซลูชั่น: ดิฉันขอเช่นเดิมค่ะ มนุษย์หลายคนหน่อย ที่แต่ละคนยังมีชีวิตอยู่ และดิฉันจะดีใจมากถ้าพวกเขายังบริสุทธิ์, เอนโทม่า: ขอบคุณสำหรับอาหาร!, เดมิอุรุอุส: ผมจะทำการทดลองอะไรต่อไปดีล่ะครับเนี่ย) ในการที่จะถูกทรมาณไปจนกว่าจะสิ้นสุดชีวิตอันน่าเวทนาของพวกเขา
เสียงเดาะลิ้น ที่เต็มไปด้วยความเครียดและความคับข้องใจ ดังมากขึ้นมากกว่าเสียงควบม้า
"แย่แล้ว! มายลอร์ด กรุณาบังคับม้าไปด้านขวา! มันตามพวกเราทันแล้ว!"
"มันหาพวกเราเจอได้ยังไงทั้งๆที่ไม่มีลูกตา?!" ล็อคคุไมเออที่เป็นขโมยตะโกน "ลันโด! นายมีเวทมนตร์อะไรสำหรับเรื่องนี้มั้ย?"
"แน่นอนว่าไม่! นายคิดว่ามันจะมีคาถาไหนใช้ได้ผลกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นรึไง ล็อคคุ?"
"ถึงอย่างนั้น พวกเราจะรู้ได้ยังไงถ้าหากพวกเราไม่ลอง -"
"พอได้แล้ว! พวกเราจะข้ามสะพานนั่นเมื่อพวกเราไปถึง มันอาจแค่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับพวกเรา! มายลอร์ด! ขยับไปด้านหน้าของพวกเรา! พวกเราจะเรียงแถวตอนเดี่ยว!"
เสียงของพวกเขาสั่น
ตามคำแนะนำ เรบุนนำม้าของเขาไปอยู่ตำแหน่งหน้าสุด แล้วหันม้าไปทางทิศทางที่มีคนกำลังวิ่งหนีอยู่เป็นจำนวนน้อย
จากระยะไกล เสียงร้องแบบแพะของดาร์คยังกลบเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของเขา
"แหมมมมมมมมมมมะ!"
- มันใกล้เข้ามา
เหงื่อไหลออกมาจากศีรษะของเรบุนเหมือนน้ำตก เขาไม่กล้าที่จะหันกลับไปเนื่องจากความกลัว แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงอากาศด้านหลังของเขาที่อุ่นขึ้นและอุ่นขึ้น
ต่อจากนั้น อีกหนึ่ง - " แหมมมมมมมมมมะ!!"
"โธ่เว้ย! แย่แล้ว! มันมาทางนี้ตลอดเลย! . . . ทุกคน! เตรียมตัวให้พร้อม!"
ในการตอบสนอง หัวหน้าทีม บอริสุร้องตะโกนและร่ายคาถาของเขา
"[Reinforce Armor]!" (TLN: เสริมเกราะป้องกัน)
"[Lesser Strength]!" (TLN: เสริมกำลังระดับต่ำ)
"ดี! ดังนั้น มายลอร์ด! ให้พวกเรารับการโจมตีจากศัตรู! อย่ามองกลับมาไม่ว่าสถานการณ์ใดๆก็ตามและขี่ม้าต่อไป!"
มันมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถพูดกับเหล่านักผจญภัยได้ ผู้ที่ได้เอาชนะความกลัวของพวกเขา
". . . ผมเชื่อมือพวกคุณ!"
"เข้าใจแล้ว! พวกเราไป!
"โอออออ้!"
เขาสามารถได้ยินถึงระยะห่างที่กว้างขึ้นระหว่างตัวเขากับเหล่าอดีตนักผจญภัยด้านหลังของเขา
เรบุนก้มศีรษะลง ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดแรงต้านลม แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะซื้อเวลาให้ได้นานแค่ไหน ทั้งหมดที่เขาทำได้คือการหนีอย่างสุดความพยายามของเขา - กลับไปอย่างปลอดภัยเป็นหนทางเดียวที่จะตอบแทนความจงรักภักดีของพวกเขาได้
"บินไป! [Fireball]!" (TLN: ไฟร์บอล)
"[Invulnerable Fortress]!"
ขณะที่เขาขี่ไปบนหลังของม้าที่กำลังควบอย่างเร่งรีบ เรบุนคิดว่าเขาได้ยินเสียงของเหล่าอดีตนักผจญภัยเข้าร่วมการต่อสู้ ถึงแม้ลมจะตีผ่านหน้าและหูของเขา
และหลังจากนั้น - ภายในเวลาสองวินาที เขาก็ไม่สามารถได้ยินเสียงของเหล่าอดีตนักผจญภัยอีกต่อไป
สิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงกีบเท้าขนาดมหึมาที่ตกลงมา หัวใจของเขาเซวูบในอกของเขา
ในมุมมองของเขาจากศีรษะที่ก้มลงอยู่ เงาขนาดมหึมาที่เขาเห็นได้ด้านล่างตัวเขา ทำให้เรบุนร้องไห้คร่ำครวญในความสิ้นหวังที่ไร้เสียง (TLN: หรือแปลว่า เงียบ สงบ ลึกสุดจะหยั่ง)
เขาจำได้ว่าใต้เท้าของเขา - ตัวของเขาที่กำลังถูกบรรทุกโดยม้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด - มีหนวดหนาและยาวเส้นหนึ่งยื่นออกมาทางเขา
"ไม่นะ . . ."
ม้าวิ่งเหมือนกับมันกลายเป็นบ้า มันเร็วกว่าม้าที่เรบุนได้เคยขี่มาทั้งหมด มันอาจเร็วมากที่สุดตั้งแต่ที่มันเคยวิ่งมา
แต่กระนั้น เงาอันทรงพลังยังคงยืดออกมาข้ามผืนดิน
"ผมไม่ต้องการอย่างนี้!"
เขากรีดร้อง ขัดต่อความต้องการของเขา เขากรีดร้องด้วยหัวใจทั้งหมดของเขา (TLN: กรีดร้องอย่างสุดเสียง)
ความรู้สึกเปียกและอุ่น ซึมผ่านเป้ากางเกงของเขา
เรบุนบังคับให้ตัวเขาเปิดตาขึ้น และด้วยการที่ไม่หันหลังกลับไปมอง เขาบังคับม้าให้ไปข้างหน้า
เขาไม่อาจที่จะตายได้ ประเทศนั้นมันไม่สำคัญ ถ้ามันจะล่มสลาย ก็ปล่อยให้มันล่มสลายไป
ถ้าการจับอาวุธขึ้นต่อต้านไอนซ์ อูล โกน หมายถึงความตาย ดังนั้นการละทิ้งประเทศแล้วหนีไปก็ยอมรับได้เหมือนกัน
เจ้าโง่คนหนึ่ง
เขานี่มันเป็นคนโง่เง่าจากที่ผ่านมา
การมายังสนามรบแห่งนี้นี่เป็นเรื่องโง่เขลาจริงๆ
หากเขารู้ว่าไอนซ์ อูล โกน ทรงพลังขนาดไหน เขาคงจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่ว่าต้องจ่ายอะไรไปก็ตาม
เขาจะไม่คิดถึงอนาคตของราชอาณาจักรอีกต่อไป
"ผมไม่ต้องการอย่างนี้!"
เขายังไม่อาจตายได้
เขาไม่สามารถที่จะตายขณะที่ลูกชายของเขายังเด็กอยู่ และ . . . เขาไม่สามารถปล่อยให้ภรรยาที่รักของเขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยการตายจากไป
"ผม ไม -"
ภาพจินตนาการของลูกชายของเขาปรากฏเบื้องหน้าของเรบุน
เด็กน้อยที่น่ารักของผม
หนึ่งชีวิตเล็กๆได้เกิดขึ้น มันค่อยๆเติบโตอย่างช้า มันได้เจ็บป่วย กลับไปตอนนั้น เขาเอะอะใหญ่โตเพราะเรื่องนั้น ภาพตัวเขากำลังวิ่งไปรอบๆอย่างคนบ้า ตะโกนออกคำสั่ง ระหว่างที่ภรรยาของเขานั่งอยู่ที่นั่นโดยสงบนิ่ง ทำให้เขาเขินอาย
ความอ่อนนุ่มและละเอียดอ่อนของมือ และแก้มแดงอมชมพูเหล่านั้น เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะกลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงในราชอาณาจักร เขาเชื่อว่าความสามารถของลูกชายของเขาจะก้าวข้ามตัวเขาไปได้ เขาสามารถมองเห็นศักยภาพที่เกิดขึ้นมาเป็นครั้งคราว
เขาไม่ได้ตามใจลูกชายจนเสียคน เหมือนดังที่ภรรยาของเขาพูดบอกว่าเขาทำตลอดมา
เรบุนขอบคุณภรรยาของเขาอย่างสุดซึ้งที่ได้เลี้ยงดูลูกชายสุดที่รักของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่ค่อยพูดอย่างนั้นเพราะว่ามันทำให้เขาอาย
มันถึงเวลาสำหรับลูกคนที่สองแล้ว
หากเขาไม่ได้มายังสนามรบแห่งนี้ เขาอาจยังสามารถโอบกอดทั้งสองคนได้
". . . เอ่อ?"
เสียงของกีบเท้าหยุดลงอย่างกะทันหัน
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าความกล้าหาญ เรบุนหันกลับไป ในสายตาของเขา เขาเห็นดาร์คยังไม่ไหวติง ราวกับว่าถูกแช่แข็งเอาไว้ที่นั่น
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account
รูปภาพจาก MDSiapno001
โฮสต์ฝากรูปจาก https://www.flickr.com
Comments
Post a Comment