สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 2)


Overlord LN Vol 09 - Brand New Chapter

/ Overlord Light Novel Volume 09 - Brand New Chapter

บทใหม่ล่าสุดนี้คือเนื้อเรื่องของนิยายเล่มที่ 9 บทใหม่ล่าสุด ซึ่งต่อจากบทส่งท้าย ของโพสต์ก่อนหน้าเลย

หมายเหตุ: บางเหตุการณ์อาจถูกข้ามฉากไปเมื่อทำเป็นอนิเมะ และอาจมีเนื้อเรื่องที่สปอยล์เกินตอนไป
หมายเหตุ2: เนื้อเรื่องของเล่มที่ 9 บทใหม่ล่าสุด นี้ คาดว่าจะตรงกับเนื้อเรื่องของอนิเมะ ซีซั่น 3 ตอนที่ 13
หมายเหตุ3: เมื่อพูดถึงว่าท่านไอนซ์หรืออันเดดเป็นสิ่งมีชีวิตก็ขอให้เข้าใจว่ามันไม่มีชีวิตเนอะ ถ้ามีคำอื่นเสนอก็แนะนำมาได้ ว่าจะใช้สิ่งที่ดำรงอยู่ แต่มันออกจะ . . .

VVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVV

บทใหม่ล่าสุด


ทุกคนเฝ้าคอยการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ นี่จะมากขึ้นหากว่าเป็นส่วนของพวกชาวนา ผู้ที่รู้สึกได้ว่าผืนดินกำลังกลับมามีชีวิตอีกครั้งใต้เท้าของพวกเขา อย่างไรก็ดีแม้แต่ชาวเมืองก็ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน แต่ยอมรับได้ว่าฤดูใบไม้ผลิในเมืองเป็นเรื่องของการที่ไม่ต้องซื้อฟืนสำหรับทำความอบอุ่นเป็นส่วนใหญ่ (TLN: คือฤดูหนาวต้องซื้อฟืน พอเข้าใบไม้ผลิก็ไม่ต้องซื้อแล้ว)

ในวันแรกของฤดูใบไม้ผลิในเอ-รันเทล อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่ได้ต้อนรับมันคือความเงียบ

ถนนหลักปราศจากผู้คนเหมือนกับว่าทุกคนได้ตายกันหมด แต่กระนั้นจากช่องว่างของบานหน้าต่างและประตู - มันเปิดออกเล็กน้อย - คนจะสามารถรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างจากบ้านที่หันหน้าเข้าถนน มันรู้สึกราวกับว่าผู้คนกำลังกลั้นลมหายใจและแอบมองโลกที่อยู่ภายนอก

วันนี้เป็นวันที่เอ-รันเทลจะถูกมอบอย่างเป็นทางการให้ไอนซ์ อูล โกนและกลายเป็นเมืองในอาณาจักรเวทมนตร์แห่งนาซาริก

ประตูเมืองแรกถูกเปิดออก และระฆังของการต้อนรับก็ดังกังวาลออกมา

หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน ประตูเมืองที่สองก็ได้ถูกเปิด และระฆังก็กังวาลไปทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง

ระหว่างประตูบานที่สองและสามเป็นเขตที่อยู่อาศัยของเมือง เหตุผลที่ประชาชนของเอ-รันเทลไม่หนีไปเป็นเพราะพวกเขารู้ แม้ว่าพวกเขาจะหนีไป ทั้งหมดที่รอพวกเขาอยู่คือความสิ้นหวัง

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อค้าผู้เชี่ยวชาญและมีฝีมือในเอ-รันเทล แต่ที่เมืองอื่นๆพวกเขาต้องไปเริ่มต้นใหม่เป็นเด็กฝึกหัด

เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจะมีระเบียบทางสังคมและลำดับชั้น พวกคนนอกที่มาอยู่ใหม่ในเมืองเป็นธรรมดาที่จำเป็นต้องเริ่มจากตำแหน่งระดับล่างที่ต่ำสุด นั่นพูดได้ว่าแม้ว่าพวกเขาจะหนีไปที่เมืองอื่น ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะไม่สามารถหางานที่เหมาะสมได้ และพวกเขาจะมีชีวิตอยู่และตายในฐานะผู้ยากไร้ในสลัม

เช่นนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเอ-รันเทล

อย่างไรก็ตาม หากชีวิตของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็จะเลือกที่จะหลบหนี นั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ท้ายที่สุดเสียงซุบซิบเกี่ยวกับผู้ปกครองคนใหม่ ไม่ ราชาองค์ใหม่ นั้นเป็นคนที่น่าหวาดกลัว

พวกเขาเล่าว่า เขาเป็นผู้ร่ายเวทที่สังหารหมู่กองทัพของราชวงศ์

พวกเขาเล่าว่า เขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เลือดเย็นที่ดูคล้ายกับอันเดด พวกเขาเล่าว่า เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความสุขไปกับการอาบเลือดสดๆของเด็กๆ

ข่าวลือทั้งหมดที่แพร่กระจายออกไปนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ที่แทบจะไม่มีคำพูดในแง่บวกเกี่ยวกับตัวเขา

และดังนั้น ทุกคนได้ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของประตู วางแผนที่จะสอดแนมไอนซ์ อูล โกนจากระหว่างช่องว่างในหน้าต่างของพวกเขา

ไม่นาน ขบวนของไอนซ์ อูล โกนได้มาถึงถนนหลัก คนทั้งหมดที่เห็นเขาสูญเสียพลังที่จะพูด

เขาเป็นคนที่ตรงกับข่าวลือที่แพร่กระจายเกี่ยวกับตัวเขา

บุคคลแรกที่พวกเขาเห็นยังสามารถพิจารณาได้ว่าไม่เป็นอะไร ด้านหน้าของคณะเป็นผู้หญิงรูปงาม ผู้เปล่งปลั่งดั่งดวงจันทร์เต็มดวง (TLN: หรือจะเอาเอาจันทร์เพ็ญ?)

เธอสวมอาภรณ์โปร่ง บางสีขาว ด้วยกันกับผมนิ่มลื่มมันวาวสีดำและผิวขาวบริสุทธิ์ ร่างกายของเธอประดับด้วย เครื่องประดับที่มีลวดลายเป็นกลุ่มดาว ที่อยู่เหนือขอบเขตของราคะและความอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าเธอมีเขางอกออกมาจากศีรษะและมีปีกยาวสีดำจากเอวของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีความงามเหนือธรรมชาติ ทั้งหมดเป็นสัญญาณบอกว่าเธอไม่ใช่มนุษย์

ด้านหลังของเทพธิดาผู้เลอโฉมคือเหล่านักรบ ขณะที่มองไปที่พวกเขา ประชาชนตัวสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้

นักรบแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม จำแนกกันโดยรูปแบบของชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่

หากกลุ่มแรกจะสรุปได้ในหนึ่งวลี (TLN: หรือแปลว่า กลุ่มคำ) มันจะเป็นคำว่า "อัศวินแห่งความตาย (TLN: เดธไนท์)"

ในมือซ้ายของพวกเขาถือโล่ปราการ (tower shield) (TLN: โล่หอคอย? โล่ทาวเวอร์?) ที่ครอบคลุมสามในสี่ส่วนของร่างกายพวกเขา และในมือขวาถือดาบที่มีใบดาบเป็นลอนคลื่นเหมือนแฟลมเบิร์จ (flamberge)

รวมทั้งมีผ้าคลุมที่ขาดรุ่งริ่งสีดำ ร่างกายอันใหญ่โตของพวกเขาสูงกว่าสองเมตร ชุดเกราะเต็มตัวทำด้วยโลหะสีดำของพวกเขา ปกคลุมด้วยลวดลายหยักสีแดงเข้มที่ทำให้นึกถึงเส้นเลือด มันยังปกคลุมไปด้วยหนามอีกด้วย พวกเขาดูคล้ายกับการมีตัวตนทางกายภาพ (TLN: หรือแปลว่า การทำให้เกิดเป็นรูปร่าง การจุติ ร่างแปลง การอวตาร) ของความโหดร้ายทารุณ (TLN: หรือแปลว่า ความโหดเหี้ยม ความป่าเถื่อน)

หน้าหมวกของพวกเขา - ที่มีเขาปีศาจงอก - ถูกเปิดขึ้น ด้านในเป็นซากใบหน้าที่เน่าเปื่อย เบ้าตาที่ว่างเปล่าของพวกเขาลุกโพลงด้วยดวงไฟสีแดงเข้ม ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อสิ่งมีชีวิตและกระหายการเข่นฆ่า

กลุ่มที่สองจะอธิบายได้ดีที่สุดด้วยคำว่า "นักรบแห่งความตาย (death warrior)"

พวกเขาถือดาบที่มีใบดาบยาว ขณะที่มีอาวุธต่างๆแขวนอยู่ที่เอวของพวกเขา ขวาน (hand axe), ค้อนศึก (warhammer), หน้าไม้ (crossbow), แส้ (whip), เรเปียร์ (rapier), และอาวุธอื่นๆ พวกมันทั้งหมดมีรอยบุบสลายและรอยขีดข่วนมากมาย - เป็นหลักฐานว่าพวกมันถูกใช้งานอย่างหนัก (TLN: ไม่คิดจะดูแลรักษาหลังใช้งานเลยสินะ . . .)

พวกเขาสูงราวสองเมตร และชุดเกราะที่พวกเขาใส่เทียบได้กับเกราะเบาถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ ร่างกายของพวกเขาสวมใส่ด้วยชุดเกราะหนังที่ทำจากหนังของสัตว์ร้ายที่ไม่ทราบชนิด ชุดเกราะที่โทรม, แขนทั้งสองข้าง, และส่วนหนึ่งของใบหน้าพวกเขาถูกพันไปด้วยริ้วคาถา - แถบผ้าแผ่นเล็กยาวที่ปกคลุมไปด้วยรูนแห่งอาร์เคน (TLN: รูนลี้ลับ?)

สิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างแถบผ้านั้นคือซากของใบหน้ามนุษย์ เหมือนกันกับเดธไนท์พวกนั้น

ทุกคนสามารถรู้สึกถึงพลังที่ล้นหลามแผ่ออกมาจากคณะนี้ และเมื่อเกี้ยว (TLN: หรือจะเอาเสลี่ยง? แคร่?) ที่ถูกแบกโดยหลายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้ามาอยู่ในระยะมองเห็น อาการตกใจที่ได้ประสบก็จางหายเข้าไปอยู่ในฉากหลัง

อันเดดกำลังนั่งอยู่บนเกี้ยว ออร่าแห่งความตายที่อึดอัดลอยอยู่รอบๆตัวเขา หมอกสีดำที่หมุนกวนคล้ายกับน้ำวน อยู่เหนือตัวเขาคือแสงรัศมีสีดำมันเงาที่โชติช่วงมาจากด้านหลังของเขา

เพียงแค่สัญชาตญาณ ทุกคนรู้ว่าผู้นี้คือใคร มันคือไอนซ์ อูล โกน

พวกเราไม่สามารถมีชีวิตรอดภายใต้ปกครองของสัตว์ประหลาดนี้ได้ ชีวิตของพวกเราจะเป็นสิ่งที่สั้นและแคระแกร็น ในขณะที่ทุกคนเริ่มคิดเช่นนี้ เสียงของประตูที่ถูกเปิดส่งผ่านมากับอากาศ

เพื่อที่จะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ประชาชนของเอ-รันเทลแนบตาของพวกเขาติดกับช่องว่างและรูเพื่อแอบมองดูด้านนอก สิ่งที่พวกเขาเห็นคือรูปร่างของเด็กที่กำลังวิ่ง เขาถือบางอย่างอยู่ในมือและวิ่งเต็มฝีเท้าไปที่ขบวนอมนุษย์ของไอนซ์ อูล โกน ข้างหลังของเขาคือแม่ที่หน้าซีดเผือดของเขาที่กำลังวิ่งไล่ตามเขามา

"คืนพ่อของผมมา!"

เสียงของเด็กชายก้องไปทั่วทั้งถนน

"คืนพ่อของผมมา! เจ้าสัตว์ประหลาด!"

เด็กชายขว้างบางอย่าง มันคือก้อนหิน

ก้อนหินลอยไปทางขบวน - เป้าหมายของมันคือไอนซ์ อูล โกน บางทีอาจเป็นเพราะความกังวล (TLN: หรือแปลว่า กระวนกระวาย ร้อนรน ประหม่า หงุดหงิด ตื่นกลัว ขวัญอ่อน) หรือความตึงเคียด แต่ก้อนหินไม่ตรงเป้าและกลิ้งข้ามถนนที่ปูด้วยหินไป

แม่ของเขาที่ตามเขาทันมีท่าทาง (TLN: สีหน้า หน้าตา) เหมือนกับเป็นคนตาย เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาตอนนี้

แม่กอดลูกชายของเธอจากด้านหลังขณะที่ตัวของเธอสั่นกลัว เธอพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะปกปิดร่างกายของเด็กชายไว้ในอ้อมแขนของเธอ

"เขา เขายังเป็นแค่เด็ก! ได้โปรด ฉันขอร้องท่าน! ฉันอ้อนวอนท่านให้อภัยแก่เขา!"

ในการตอบสนองกับคำขอร้องอย่างลนลานของคนแม่ นางฟ้าผู้เปล่งปลั่งยิ้ม

พวกเขาได้ถูกช่วยชีวิตแล้ว นั่นเป็นรอยยิ้มของแม่อันอบอุ่นที่จะคลายความกลัวและความกังวล (TLN: ที่ทำให้ทุกคนสงบและผ่อนคลาย)

"- ความตายหมื่นครั้งก็ไม่เพียงพอกับการไถ่โทษสำหรับความผิดร้ายแรงที่ได้ดูหมิ่นต่อท่านไอนซ์ พวกเราจะเริ่มด้วยครั้งที่หนึ่ง (TLN: พวกเราจะเริ่มที่เด็กนี่?)"

และจากนั้น ผู้หญิงรูปงามก็ดึงขวานรบขนาดใหญ่ออกมาจากที่ใดไม่ทราบได้ ความจริงที่ว่าเธอสามารถใช้มันได้อย่างง่ายได้เป็นการบอกถึงกำลังแขนที่เหนือมนุษย์ของเธอ

การใช้งานสำหรับขวานนั้นง่ายมากที่จินตนาการ และสิ่งที่พวกเขากำลังคิดก็ชัดเจนทีเดียว

"เธอควรจะละอายในตัวเธอเอง ในฐานะแม่พันธุ์ผู้ที่ได้เลี้ยงดูศีรษะของปศุสัตว์ที่ไร้ค่า"

ขณะที่เธอมองดูผู้หญิงที่ใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ คนแม่ตระหนักดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขาและกอดลูกของเธอไว้แน่น

"ได้โปรด! ไว้ชีวิตลูกชายของฉัน แม้แค่เพียงลูกชายของฉัน! เอาชีวิตฉันไป ทำทุกอย่างที่ท่านต้องการกับฉัน! ได้โปรด!"

"เธอกำลังพูดอะไร? มันมีเหตุผลที่จะฆ่าเธอหรือไม่? ท่านไอนซ์ไม่ชอบการเข่นฆ่าที่ไร้ความหมาย ผู้บริสุทธิ์จะไม่ถูกฆ่า โปรดพักผ่อนตามสบาย (TLN: วางใจ) และเฝ้าคอยเนื้อสับที่จะถูกทำขึ้นเพื่อเธอ . . . อย่างไรก็ตามถ้ามันขึ้นอยู่กับชั้น ชั้นชอบมากกว่าที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นโครเก็ต (croquette)" (TLN: โครเกต์ คร็อกเก็ต โครอกเกะ)

เด็กชายใต้อ้อมกอดแม่ของเขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าเขาจะถูกฆ่าในไม่ช้า อย่างไรก็ตามทุกคนที่กำลังเฝ้าดูรู้ว่าชีวิตเด็กที่แสนสั้นจะจบลงในเวลาไม่กี่วินาที กระนั้นก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะก้าวออกมาเพื่อช่วยเขา

แม้ว่าพวกเขาต้องการหันสายตาของพวกเขาจากโศกนาฏกรรมที่กำลังมาถึง ไม่มีใครสามารถดึงตัวเองออกมาได้

ไม่ว่าจะเป็นคนแม่หรือเด็ก ทุกคนต่างนิ่งงันโดยออร่าแห่งการฆ่าฟันที่โฉมงามปลดปล่อยออกมา

"สำนึกในความผิดร้ายแรงของเจ้าสำหรับความหยาบคายต่อผู้ที่สูงส่งที่สุดในขณะที่เจ้าตาย"

ขณะที่อัลเบโด้แกว่งขวานอันใหญ่โตของเธอลงมา โลกสั่นสะท้านขณะที่เสียงของโลหะกับโลหะกระทบกันได้ส่งเสียงดัง ที่มาของเสียงนั้นคือ ดาบใหญ่ (greatsword) ที่ถูกขว้างและฝังตัวมันกับพื้นโลก กั้นขวางเหมือนดั่งโล่ระหว่างแม่ที่น่าเวทนาและลูกชาย กับผู้หญิงรูปงาม

ดาบเล่มนั้น - และผู้ที่ใช้มัน - เป็นที่รู้จักของทุกคนบนถนน ตำนานที่ยังมีชีวิต

นักรบผู้แข็งแกร่งอันไม่สามารถเอาชนะได้ วีรบุรุษที่อ่อนโยน

ขณะที่พวกเขามองเห็นการปรากฏตัวของผู้เดียวที่สามารถช่วยชีวิตของทั้งสองได้ ผู้คนต่างสรรเสริญนามของนักดาบภายในใจของพวกเขา

ชื่อของวีรบุรุษดำ (Dark Hero) โมมอน

ชายผู้ที่สวมใส่เกราะสีดำสนิทค่อยๆปรากฏตัวออกมาจากปลายอีกด้านของตรอก และดึงดาบใหญ่ที่ปักอยู่กับพื้นด้วยการสะบัดข้อมือที่ทรงพลังของเขา เขาเขย่าดินออกจากมัน มืออีกข้างหนึ่งของเขาได้จับดาบอยู่แล้ว และโมมอนที่เตรียมพร้อมต่อสู้เผชิญหน้ากับสาวรูปงามด้วยความอาจองและมั่นใจ

"มันจำเป็นด้วยหรือในการที่ใช้พลัง (TLN: หรือแปลว่าบังคับ อำนาจ) ขนาดนั้นกับแค่เด็กชายที่ขว้างปาหิน? คงไม่มีใครอยากจะแต่งงานกับคุณ"

"แม้ว่าคุณจะมาตำหนิชั้น ชั้นก็ไม่ได้มีความสุ . . . คุ! บาปของความหยาบคายต่อท่านไอนซ์ไม่ได้จำกัดอายุหรือเพศ ทุกคนที่ทำความผิดจะต้องสูญสิ้น!"

"และจะเกิดอะไรขึ้นหากผมไม่ยอมให้ทำ?"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะเป็นผู้ทรยศต่อท่านลอร์ดแห่งดินแดนนี้และจะต้องถูกกำจัด!

"อย่างนั้นหรือ? เอาล่ะมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามอย่าได้คิดว่าคุณจะสามารถรับศีรษะนี้ไปได้ง่ายๆ ฮืม? ถ้าคุณต้องการมัน คุณควรจะเตรียมตัวให้ดีที่จะเสี่ยงของคุณเช่นกัน"

โมมอนควงดาบในมืออย่างคล่องแคล่ว และตั้งท่าต่อสู้ ความกล้าหาญและท่าทางอันมีอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่สร้างวีรบุรุษมาอย่างไม่ต้องสงสัย

"เจ้า ปกป้องท่านไอนซ์"

หลังจากที่ออกคำสั่งกับเหล่านักรบชุดเกราะสีดำ โฉมงามก็เตรียมพร้อมขวานรบของเธอตามลำดับ

เหล่าผู้ชมอยากจะเชื่อว่าผู้ชนะในการเผชิญหน้าครั้งนี้คือโมมอน แต่ออร่าการต่อสู้ที่แผ่ออกมาจากทั้งสองได้ปฏิเสธมัน พวกเขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงรูปงามเป็นนักรบที่เท่าเทียมกันกับโมมอน

ทั้งสองลดระยะห่างระหว่างพวกเขาจนเหลือระยะไม่กี่เมตร และผู้ที่ขัดขวางการต่อสู้ที่กระชั้นเข้ามาระหว่างทั้งสองคือตัวของไอนซ์ อูล โกนเอง

ด้วยพลังของเวทมนตร์ เขาลอยขึ้นอย่างไร้เสียงจากเกี้ยวและหยุดลงบนพื้นดินก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของโฉมงาม

"ท่านไอนซ์!"

เขาโน้มตัวและวางปากไว้ที่หูของโฉมงาม (TLN: จะกินหูสินะ!) ก่อนที่จะกระซิบบางอย่าง ใบหน้าของเธอมีชีวิตชีวาและร่าเริงขึ้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและความรู้สึกรัก

"ชั้นเข้าใจแล้วค่ะท่านไอนซ์ มันจะเป็นตามที่ท่านว่า"

เธอโค้งคำนับไอนซ์ และชี้ขวานของเธอไปยังโมมอน อย่างไรก็ตามเจตนาที่จะฆ่าของเธอตอนนี้นั้นหายไป

". . . ชั้นยังไม่ได้ยินชื่อของเจ้า ว่ามาสิ"

"ผมคือโมมอน"

"อะไรนะ? โมมอน ถ้าเช่นนั้นชั้นถามเจ้า เจ้าคิดหรือว่าเจ้าสามารถเอาชนะพวกเราได้?"

". . . ไม่ ผมไม่สามารถ แม้ว่าผมจะสู้จนตัวตาย ผมสามารถเอาชนะได้แค่คุณหรือว่าผู้ที่อยู่ข้างๆคุณเท่านั้น"

ความสิ้นหวังเติมเต็มจิตใจของทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ มันเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าแม้แต่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้เพียงแค่ตนใดตนหนึ่ง

"และนอกจากนี้ . . . หากผมต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดของผม ผู้บริสุทธิ์หลายคนจะต้องมาเกี่ยวข้องด้วยอย่างไม่เต็มใจกับการต่อสู้ของพวกเรา ผมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้"

"ช่างโง่เขลา แม้จะมีความสามารถที่น่าประทับใจที่คุณจะ - ชั้นพูดมากไปแล้ว  ท่านไอซ์มีข้อเสนอให้เจ้า จงฟังด้วยความซาบซึ้งใจ ยอมจำนนและปฏิญาณความจงรักภักดีต่อพวกเราในฐานะนักรบแห่งนาซาริก"

"- เธอกำลังล้อผมเล่นใช่ไหม?"

"หยาบคายจริง ท่านไอนซ์ไม่ได้ประสงค์ที่จะปกครองถนนนี่ด้วยการนองเลือดและความสิ้นหวัง การสูญพันธุ์ของมนุษยชาติทั้งหมดจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อท่านไอนซ์ แต่แม้พวกเราจะพูดอย่างนี้ ผู้คนที่นี่คงจะไม่เชื่อ ดังนั้นพวกเราจะให้เจ้าทำงานของท่านไอนซ์ในฐานะลูกน้อง"

". . . แล้วทั้งหมดที่ว่าเกี่ยวกับอะไร?"

"ในอนาคต มันอาจจะมีพวกโง่ที่จะขว้างปาหินมาที่ท่านไอนซ์  ณ จุดนั้น พวกเราจะให้เจ้าบั่นศีรษะเหล่านั้นซะ แลกกับการที่พวกเราจะอนุญาตให้เจ้าเป็นพยานเพื่อที่จะพิสูจน์ว่า ท่านไอนซ์จะไม่ยอมให้ผู้บริสุทธิ์ได้ทุกข์ทนในเมืองของท่าน"

" . . ผมเข้าใจล่ะ ดังนั้น ในฐานะของผู้บังคับใช้กฏ ผมจะได้รับใช้เคียงข้างตัวเขา?"

"ก็ไม่เชิง ตามที่ชั้นกล่าว เจ้าจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำจัดคนทรยศ พิจารณาได้ว่ามันเป็นรูปแบบของการเป็นตัวแทนของประชาชนในเมือง (self-representation) (TLN: ซึ่งแปลว่า . . .) รวมเข้ากับหน้าที่ผู้บังคับใช้กฏ"

"ผมไม่มีความตั้งใจที่จะสาบานตนเองเพื่อรับใช้ความชั่วร้าย"

"พวกเราก็ไม่มีแผนการใดๆที่จะทำสิ่งชั่วร้ายประเภทนั้นเช่นกัน ดังนั้นเจ้าจะทำอย่างไร? หากเจ้าไม่ปฏิญาณดาบของเจ้าต่อท่านไอนซ์ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะถูกสังหารในฐานะของบุคคลอันตราย ไม่ว่าจะมีกี่คนที่พวกเราต้องฆ่าเพื่อจัดการเจ้า"

โมมอนมองไปรอบๆ

"ผมตั้งใจจะออกเดินทาง และไม่มีเจตนาที่จะเป็นลูกน้องของใคร"

"นั่นก็เป็นคำตอบที่พอจะยอมรับได้เช่นกัน ดังนั้นจะให้พวกเราเริ่มสร้างความเสียหายข้างเคียง (TLN: หรือแปลว่า ลูกหลง) กับผู้คนรอบๆตอนนี้ไหม?"

"เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ผมยังมีคู่หูด้วย จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?"

"เธอต้องปฏิญาณตัวเธอเองต่อท่านไอนซ์เช่นกัน มันไม่สามารถมีคำตอบอื่นได้"

"แม้ว่าในอดีต ผมวางเป้าหมายของการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก . . . แต่ดูเหมือนผมจะนำตัวเองเข้ามาพัวพันกับปัญหาของเมืองนี้ มันจะเป็นอะไรหรือไม่ถ้าหากผมไม่คุกเข่า?"

ไอนซ์กระซิบอีกครั้งไปที่หูของโฉมงาม

"นั่นพอจะอนุญาตได้ และดังนั้นมันได้ถูกตัดสิน โมมอน ทำงานให้หนักเพื่อท่านไอนซ์"

". . . ผมเข้าใจแล้ว แต่ให้จำไว้ว่าถ้าคุณทำร้ายผู้คนของเมืองนี้โดยไม่มีเหตุผล ดาบเล่มนี้จะมุ่งเป้าไปที่คุณและเจ้านายของคุณ"

". . . ในกรณีนั้นเมื่อผู้คนของเมืองนี้ลุกขึ้นมาก่อกบฏ (TLN: หรือแปลว่า จราจล) ต่อท่านไอนซ์ ชั้นหวังว่าดาบเล่มนั้นจะชี้ไปที่พวกกบฏเช่นกัน มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นเด็กหรือไม่ ชั้นตั้งตาคอยเวลาที่เมืองนี้จะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านพวกเราและใบหน้าอันทุกข์ทรมานของเจ้าขณะที่ต้องประหารผู้คนของเมืองนี้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะไปก่อน จงตามมาร่วมกับพวกเราในภายหลัง"

คณะของไอนซ์ อูล โกนเดินไปด้านหน้าต่อเนื่องอย่างมั่นคง หลังจากขบวนอันยาวได้จางหายไปจากสายตาในท้ายที่สุด ผู้คนได้หลั่งไหลออกมาจากบ้านของพวกเขา มันอัศจรรย์มากที่คนมากมายสามารถซ่อนตัวของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

ทุกคนกำลังยกย่องโมมอน

ในขณะที่โมมอนเริ่มใช้มือของเขาโบกปัดคลื่นอารมณ์ของเคารพ เสียงดังชัดเจนส่งออกมาสู่ฝูงชน มันเป็นเสียงของคนแม่กำลังตบลูกชายของเธอ

"ทำไมลูกถึงทำอย่างนั้น?!"

อีกครั้งและอีกครั้ง เธอตบลูกชายของเธอ

ทั้งคนแม่และเด็กต่างกำลังร้องไห้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่หยุดที่จะตีเขา โมมอนคว้ามือของคนแม่

"คุณจะปล่อยเขาไปตอนนี้ได้ไหม? มันมีบางอย่างที่ผมอยากจะถามเขา"

."เด็กชายคนนี้ได้สร้างปัญหาอย่างมากให้กับคุณ ท่านโมมอน! พวกเราต้องขอโทษด้วยใจจริงจากก้นบึ้งหัวใจของพวกเรา!"

"ไม่ ได้โปรด ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้น มันไม่จำเป็นที่ต้องขอโทษ อาห์มันไม่จำเป็นต้องร้องไห้เช่นกัน ผมมีบางคำถามสำหรับนาย"

ขณะที่โมมอนพยายามทำให้เด็กชายที่กำลังร้องไห้เงียบลง เขาถามเด็กชายว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น

ทุกคนคิดว่าเด็กชายต้องอยากที่จะล้างแค้นให้กับพ่อของเขา แต่เด็กชายเล่าว่า หลังจากที่ผู้ชายแปลกๆเทศนาเขา เขาก็รู้สึกว่าต้องขว้างก้อนหิน (TLN: ฮะ???)

"ผมเข้าใจแล้ว . . . คุณแม่ที่รัก มันไม่จำเป็นต้องลงโทษเด็กคนนี้ นี่อาจเป็นผลจากการใช้เวทมนตร์ควบคุม มันเป็นอุบายจากเทวาธิปไตย พยายามบังคับผมให้ไปเผชิญหน้ากับไอนซ์ อูล โกน"

". . . ไม่ เทวาธิปไตยจะไม่ทำอย่างนั้น ไม่ใช่ว่ามันเป็นแผนการของไอนซ์ อูล โกนที่จะทำให้ท่านโมมอนไปเป็นคนรับใช้เหรอ?"

โมมอนพยักหน้าอย่างมากให้กับเจ้าของร้านที่ได้พูดขึ้น เขาเพิ่งเปิดร้านของเขาที่นี่เมื่อไม่กี่ปีก่อน

"นั่นก็แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ แต่ในทางกลับกันมันก็เป็นโอกาสที่ดีด้วย เนื่องจากผมมีข้ออ้างที่จะไปอยู่ข้างตัวเขา ผมจึงสามารถเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเขาได้ ถ้าเขาวางแผนที่จะทำร้ายพวกคุณ ผมจะเอาหัวของเขา แต่ในการแลกเปลี่ยนผมหวังว่าพวกคุณจะไม่ก่อกบฏต่อไอนซ์ อูล โกน"

"ทำไมพวกเราไม่ควรทำอย่างนั้น?! ตราบที่พวกเรามีท่านโมมอน -"

"- ได้โปรดอย่าต่อบทสนทนานั้น พวกเขากำลังรอให้มีคนพูดคำพูดเหล่านั้น หากมีความคิดที่จะก่อกบฏเกิดขึ้น เขาจะสั่งผมให้สังหารคุณ บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังหวังไว้"

โมมอนอ้าแขนของเขา และพูดต่อกับทุกคนอย่างตรงไปตรงมา

"ผมไม่สามารถเป็นคนที่ทำลายข้อตกลงที่เพิ่งทำขึ้นได้ เพราะเหตุนั้น ผมหวังว่าทุกคนจะสามารถทนรับกับสิ่งที่ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาพูด อย่างไรก็ตามถ้าใครรู้สึกว่าถูกปฏิบัติอย่างไม่ดีพอ ได้โปรดรายงานผม"

ขณะที่พวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่โมมอนกำลังพูด ว่าพวกเขาเป็นตัวประกัน ใบหน้าของผู้คนก็แสดงออกถึงความเจ็บปวด

เพื่อผู้คนเหล่านั้น โมมอนยิ้มอย่างอ่อนโยน

"อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าทุกคนจะไม่กังวลจนเกินไป เริ่มแรกหมอนั่นอาจจบลงด้วยการเป็นเผด็จการที่ดี พวกเรามารอและดูกัน ยิ่งกว่านั้นหากเทวาธิปไตยเคลื่อนไหว พวกเขาอาจยั่วยุปลุกปั่นให้พวกคุณก่อกบฏ ผมหวังว่าทุกคนจะเปิดหูเปิดตาและระมัดระวังตัว"

ไม่มีใครจะสามารถยอมรับสิ่งนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครสามารถพูดค้านกับเขาได้

ไอนซ์ อูล โกนเป็นอันเดด ไม่มีใครสามารถเชื่อใจในสิ่งมีชีวิตที่อันตรายอย่างนั้นได้ ที่มีความรู้สึกเกลียดชังต่อสิ่งมีชีวิต และแน่นอนว่าทุกๆคนไว้เนื้อเชื่อใจในตัวโมมอน ในความเป็นจริงโมมอนได้ละทิ้งเป้าหมายของเขาก็เพื่อประโยชน์แก่ชาวเมือง มันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมอบความจงรักภักดีให้

ทุกคนที่อยู่ที่นี่เห็นด้วยกับข้อเสนอของโมมอน และหลังจากสัญญาว่าจะกระจายคำพูดไปให้กับคนรอบตัวพวกเขา พวกเขาก็แยกย้ายกันไป

ผลที่ตามมา เอ-รันเทลได้กลายเป็นสถานที่ที่เหล่าประเทศเพื่อนบ้านแทบจะไม่เชื่อว่ามีอยู่ เมืองที่สงบสุขปราศจากการนองเลือด ที่มีอยู่ภายใต้การปกครองของ ไอนซ์ อูล โกน


TLN: จบเนื้อเรื่องทั้งหมดของนิยาย เล่มที่ 9 เฮ~
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account

Comments

Popular posts from this blog

Overlord Light Novel volume 10 (นิยายเล่ม 10) - สรุปเนื้อหา

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 0 - เวอร์ชั่นบ่น)

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 2)