สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 1)


Overlord LN Vol 09 - Epilogue

/ Overlord Light Novel Volume 09 - Epilogue

บทส่งท้ายนี้คือเนื้อเรื่องของนิยายเล่มที่ 9 บทส่งท้าย ซึ่งต่อจากตอนที่ 4 (ส่วนที่ 4) ของโพสต์ก่อนหน้าเลย

หมายเหตุ: บางเหตุการณ์อาจถูกข้ามฉากไปเมื่อทำเป็นอนิเมะ และอาจมีเนื้อเรื่องที่สปอยล์เกินตอนไป
หมายเหตุ2: เนื้อเรื่องของเล่มที่ 9 บทส่งท้าย นี้ คาดว่าจะตรงกับเนื้อเรื่องของอนิเมะ ซีซั่น 3 ตอนที่ 13
หมายเหตุ3: ยังมีเนื้อเรื่องอีกส่วนหนึ่งค้างอยู่กับโพสต์ก่อนนะ อย่าลืมตามกันไปดู เป็นเนื้อเรื่องของกาเซฟหลังจากที่ได้ร้องขอท้าดวลตัวต่อตัวกับท่านไอนซ์
หมายเหตุ4: นี่เป็นบทสั้นๆของเล่มที่ 9 ที่พูดถึงสมองกับไต่ (เบรนกับไคลม์นั่นเอง) ภายหลังจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ที่ราบแคทเซ สองคนนี้ได้พูดคุยอะไรกัน และสุดท้ายเบรนสุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไร

VVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVVV

บทส่งท้าย


ลมหนาวยามค่ำคืนส่งเสียงหวีดหวิวผ่านไป

มันขยับผมของเบรน อันกุลัสและทำชุดของเขาให้กระเพื่อมเช่นกัน

". . . มันหนาวจนจะแข็งด้านนอกนี้ . . ."

ลมหนาวพัดเอาลมหายใจสีขาวซีดและเสียงบ่นพึมพำของเขา และนำมันไปสู่ที่ที่ไกลห่าง

แม้แต่ส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกายเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกแช่แข็ง

เบรนจ้องมองอย่างเลื่อนลอยไปบนยอดกำแพงของเอ-รันเทล ที่ที่พวกเขาทั้งสามคนได้ยืนอยู่ด้วยกันก่อนจะออกเดินทางไปพร้อมกับกองทัพ

ไม่มีอะไรที่นั่นนอกไปจากความมืดมิด

ระหว่างการสู้รบ - ไม่ การสังหารหมู่ที่ที่ราบแคทเซ ผู้คนจำนวนมากของราชอาณาจักรได้สูญเสียชีวิตของพวกเขา

เขาจำได้ว่าเขาได้เห็นอะไรเมื่อเขาคลานออกมาจากสนามรบนั้น

ผู้คนที่พ่ายแพ้ลากเท้าของพวกเขาเดินอย่างไร้ชีวิต (TLN: หรือแปลว่าไม่มีชีวิตชีวา เซื่องซึม จืดชืด มืดมน ซังกะตาย) ชุดของพวกเขารุ่งริ่งและพวกเขาดูน่าเวทนาอย่างที่สุด

แม้ว่าเบรนที่เป็นนักรบผู้เหยียบย่างไปที่ขอบของชีวิตและความตายอยู่เป็นประจำ ภาพของทิวทัศน์ที่ดูเหมือนนรกนั้น - ที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้ร่ายเวทคนหนึ่ง - ถูกสลักลึกลงสู่ใจเขา

แม้ว่าเอ-รันเทล - ที่ถูกปกป้องด้วยเหล่ากำแพงเมือง - ก็ไม่สามารถพิจารณาว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยได้แต่ประการใด เหล่าทหารที่หลบหนี เหนื่อยและหมดแรงจากความอ่อนเพลีย ทรุดตัวลงเหมือนดั่งหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย พวกเขานอนขดตัวทุกที่ที่สามารถทำได้และนอนหลับเป็นตาย

บนหอคอยที่ไม่มีคนประจำการ เบรนหายใจออกอย่างช้าๆอีกครั้ง ต่อจากนั้นเขามองไปบนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

"ชั้นเอาแต่คิดถึงมัน . . . ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว"

เบรนมองไปยังมือของเขา

ระหว่างที่เขาแบกร่างไร้ชีวิตของชายคนนั้น เขารู้สึกถึงน้ำหนักที่หนักเป็นอย่างมาก (TLN: หรือแปลว่า ความกดดันจำนวนอย่างมาก หรือภาระจำนวนอย่างมาก) กดทับลงบนตัวเขา พยายามเท่าที่เขาจะทำได้ แต่เขาไม่สามารถที่จะลืมมัน

เขาเป็นชายที่ยิ่งใหญ่ และเป็นคู่แข่งคนสำคัญที่สุด ผู้ที่ก้าวนำอยู่ด้านหน้าเสมอ

ชายผู้นั้น - กาเซฟ สโตรนอฟ - การตายของเขาเป็นการสูญเสียอย่างแท้จริงสำหรับเบรน

สำหรับเบรน กาเซฟไม่ใช่เป็นเพียงแค่คู่แข่ง การมีตัวตนอยู่ของเขาไม่สามารถสรุปได้เพียงแค่คำนั้นคำเดียว

มันเป็นเพราะว่าชายคนนั้นได้สู้กับเขาระหว่างการแข่งขันการต่อสู้ เป็นเพราะเขาเอาชนะเบรนและความยโสที่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้จบของเขาอย่างสมบูรณ์ เป็นเพราะว่าเบรนมีความปรารถนาอันร้อนแรงที่จะเอาชนะกาเซฟ (TLN: ความปรารถนาอันเร่าร้อน?! ไฟปรารถนาลุกโชน?! ไฟราคะที่ร้อนรุ่ม?! ไม่ใช่ละมันแปลว่า ความปรารถนาอย่างแรงกล้า) มันเป็นเพราะทั้งหมดนี้ที่เบรนได้กลายเป็นคนที่กาเซฟเป็นไม่ได้

เบรน อันกุลัส มีชีวิต เติบโตและขัดเกลาตัวเขาเองเป็นเพราะว่ากาเซฟ ความแข็งแกร่งของชายที่ชื่อกาเซฟนั้นเพียงพอสำหรับเบรนในการที่จะอุทิศชีวิตของเขาเพื่อก้าวข้ามมันไป เขาเป็นดั่งกำแพงที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ . . . และเป็นสิ่งที่เขามีที่ใกล้เคียงกับพ่อมากที่สุด

และจากนั้น สิ่งที่เขาต้องก้าวข้ามก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป

กาเซฟ สโตรนอฟ ยืนอย่างสง่างาม (TLN: ยืนหลังตรงหน้าเชิดขึ้นอย่างกล้าหาญและภาคภูมิใจ) ดั่งขุนเขาที่ตั้งตระหง่าน แม้ในขณะที่เขาผ่านเข้าไปสู่ความตายต่อหน้าของเบรน

เบรนครั้งหนึ่งเคยได้เห็นความหมายของพลังที่แท้จริงในรูปแบบของแชลเทียร์ บลัดฟอลเลน ดังนั้นในช่วงเวลาหนึ่งเขาได้สูญเสียตัวเองไปในความสิ้นหวังและหดหู่ใจ (TLN: หรือแปลว่า ซึมเศร้า) และไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้

มันเป็นเพราะเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไปและไว้วางใจในความจริงที่ว่าเขาแข็งแกร่ง เมื่อแชลเทียร์ได้ทำลายความมั่นใจของเขาโดยสิ้นเชิง เขาได้รู้ว่าตัวเขานั้นอ่อนแอ เบรนที่ยืนอยู่ที่นี่ในขณะนี้สามารถยอมรับในเรื่องนั้นได้

แต่กาเซฟต่างออกไป

"ไอนซ์ อูล โกนจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในระดับเดียวกันกับแชลเทียร์ บลัดฟอลเลนแน่นอน และถึงอย่างนั้นกาเซฟก็ได้ไปท้าดวลกับเขา"

ในเวลานั้นกาเซฟไม่ได้ขอร้องให้มีการดวลกันเพื่อเหตุผลไร้ค่าอย่างความอยู่รอดของตัวเขา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่เขาแสดงออกมาแตกต่างโดยสมบูรณ์กับวิธีที่เบรนเหวี่ยงดาบของเขาไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ไปที่แชลเทียร์ระหว่างที่ร้องไห้งอแงเหมือนเด็กทารก

ให้ตาย อะไรที่ทำให้เขาทำอย่างนั้น?

"ชั้นไม่เข้าใจ ทำไมนายไม่วิ่งหนี?"

บังคับให้คำพูดออกมาราวกับกระอักเลือด

"ทำไมนายเลือกที่จะตาย? มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะวิ่งหนีจากสัตว์ประหลาดนั่น? ทำไม?! ไม่ใช่ว่ามันจะเหมือนการสงวนกำลังไว้เหรอ? ถ้านายจะต้องตาย ชั้นก็ต้องการตายไปด้วยกัน!" (TLN: -..,-)

หากเขาไม่สามารถก้าวข้ามกาเซฟได้ ดังนั้นเบรนก็อยากจะตายไปพร้อมกับเขา เบรนหันไปมองอาวุธที่อยู่บนเอวของเขา

มันคือ Razor's Edge ที่เขาได้รับอนุญาตให้พกพาได้เป็นการชั่วคราว

เบรนชัก Razor's Edge ออกมาและเปิดใช้งานศิลปะการต่อสู้

"[Fourfold Slash of Light]"

เทคนิคที่กาเซฟใช้เอาชนะเบรนในการแข่งขันการต่อสู้

แสงรูปโค้งสี่ลำผ่าราวกั้น (TLN: หรือแปลว่า รั้ว ราวบันได) ใกล้ๆออกเป็นชิ้นๆ มันเสมือนกับไร้แรงต้านทานและดาบไหลผ่าน (TLN: ตัดผ่าน) โลหะเหมือนกับมันเป็นน้ำ

"นาย . . . แบบนี้ . . . ชั้นเทิดทูนนาย (TLN: หรือแปลว่า ชื่นชม ยกย่อง นับถือ เลื่อมใส) ชั้นอยากจะตายไปด้วยกันกับนาย (TLN: ถ้าเบรนพูดตายไปด้วยกันอีกนะ เดี๋ยวคนแปลจะเดินไปหยิบ Razor's Edge จากมือเบรนแล้วจิ้มพุงเบรนซักที) ทำไมนายไม่อยากให้ชั้นต่อสู้ไปเคียงข้างกัน? ทำไมนายไม่บอกชั้นว่าชั้นสามารถตายไปด้วยกันกับนายได้!" (TLN: ฉึก!)

เบรนปิดบังใบหน้าของเขา

ตาของเขาร้อน แต่น้ำตาไม่ไหลออกมา

ในขณะนี้ เสียงฝีเท้าอันหนักแน่นผ่านเข้ามาในหูของเบรน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมาที่นี่

"ชั้นได้ยินมาว่าเมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น น้ำตาจะไม่ไหลอีกต่อไป ชั้นเดาว่านั่นเป็นเรื่องจริง"

"ผมคิดว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนสำคัญของคุณไป มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอายุครับ"

มันเป็นเสียงแหบห้าวตามที่เขาคาดคิด

". . . ชั้นขอโทษ ไคลม์คุง ท้ายที่สุดแล้วชั้นก็ทิ้งทุกอย่างไว้กับนาย"

เบรนลูบตาของเขาและเก็บดาบ ไคลม์ยืนอยู่ด้านหน้าของเบรน แสดงสีหน้าอันแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา

"อย่างไรก็ตาม . . . ก็นะ แม้ว่าชั้นจะอยู่ที่นั่น มันก็คงจะไร้ประโยชน์ ใช่มั้ยล่ะ? ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครหรอกที่จะพยายามฆ่าพระราชา บอกชั้นหน่อยว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น?"

"ครับ เพราะว่าเจ้าชายบาโปรยังไม่ได้กลับมาจนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะส่งทีมค้นหาสำหรับเขา"

และเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถจัดหาทหารได้อย่างเพียงพอสำหรับหน้าที่นี้ พวกเขาได้วางแผนที่จะใช้นักผจญภัยแทน

"หลังจากนั้น มีเรื่องเกี่ยวกับการยอมสละเอ-รันเทล - มันเป็นการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์ ขุนนางทั้งหมดอนุมัติ แม้แต่พระราชาก็ตกลง"

ระหว่างที่ปีศาจอาละวาด อำนาจของฝ่ายราชวงศ์ได้เติบโตขึ้น ถึงแม้การเพิ่มขึ้นของอำนาจหมายความว่าพวกเขาสามารถระดมกองทัพขนาดใหญ่ได้ที่พวกเขาได้ส่งไปยังที่ราบแคทเซ แต่มันหมายถึงผลเสียหายอันแสนสาหัสเช่นกันที่พวกเขาได้รับ มันจะมีผลกระทบใหญ่หลวงตามมา และถ้าพวกเขามอบเอ-รันเทลให้ไป ที่ซึ่งถูกปกครองโดยตรงจากพระราชา ดังนั้นราชวงศ์จะเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุด บางทีที่ได้ทำไปแค่เพื่อต้องการที่จะอยู่รอด

คราวนี้ฝ่ายราชวงศ์อ่อนแอลงอย่างหนัก ระหว่างที่ฝ่ายขุนนางเติบโตแข็งแกร่งขึ้น

ทั้งหมดนี้จะหมายถึงอะไรสำหรับอนาคต?

เขาชำเลืองมองไปยังไคลม์อย่างไม่ตั้งใจ และเห็นตัวของเขากำลังสั่น

เขาไม่ได้สั่นเพราะความโกรธแต่เป็นความกลัว เขาจะต้องจำภาพอันน่ากลัวจากตอนนั้นได้ และตัวที่กำลังสั่นอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าตัวเขากำลังกรีดร้องอยู่ภายใน ความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์นั้นต้องกำลังขดตัวคดเคี้ยวอยู่ภายในตัวและหัวใจของเขา

". . . แม้กระทั่งตอนนี้ เมื่อผมคิดถึงพวกมัน ร่างกายของผมจะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้"

 'พวกมัน' ต้องหมายเหล่าสิ่งที่แข็งแกร่งที่ไร้ปรานี (TLN: หรือแปลว่า โหดร้าย โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม ทารุณ ผิดมนุษย์) ในสนามรบ

ในความทรงจำของเขา เขาเห็นไคลม์ยืนอยู่ด้วยกันกับเขา เผชิญหน้ากับราชาผู้ร่ายเวท

บางทีเขาน่าจะรู้คำตอบ เขาคิด

"เฮ้ บอกชั้นที ทำไมกาเซฟถึงขอให้ดวลกันตัวต่อตัว?"

ใบหน้าของไคลม์เป็นภาพของความประหลาดใจ ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าเขาไม่ได้พูดให้ชัดเจน และกำลังจะทวนซ้ำอีกครั้ง ไคลม์ก็ตอบคำถามเขา

"นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผม มันไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?"

"อ่า ก็นะ ไม่เป็นไร พูดได้เลย"

". . . มันเป็นไปได้ไหมว่าเขาอยากที่จะแสดงให้พวกเราเห็น?"

". . . แสดงอะไรให้พวกเราเห็น?"

"พลังของราชาผู้ร่ายเวท ไอนซ์ อูล โกน และจากนั้น . . . เขาต้องอยากจะมอบอนาคตให้กับพวกเรา"

"อนาคต?"

"ใช่ครับ มันเพื่อที่ว่าพวกเราจะได้มีกลวิธีและข้อมูล ในกรณีที่พวกเราต้องสู้กับเขาในอนาคต"

ไม่ได้คาดคิดมาก่อน (หรือแปลว่า มันเป็นสิ่งสำคัญหรือผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาคคิด หรือความประหลาดใจโดยกะทันหัน หรือแปลกใจโดยสิ้นเชิง หรือจุดเปลี่ยนของเหตุการณ์ที่น่าตกใจ)

มันสอดคล้องกันอย่างที่สุด ไคลม์มีคำตอบที่ถูกต้อง

ชายผู้นั้นเดิมพันชีวิตตนเองเพื่อที่จะรีดเอาข้อมูลที่น้อยนิดที่เขาจะสามารถทำได้ให้กับพวกเขา ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่าราชาผู้ร่ายเวทที่เป็นผู้ร่ายเวทจะเข้าสู่การต่อสู้ระยะประชิดอย่างเต็มใจอีกครั้ง โดยที่ไม่มีองครักษ์ที่อยู่ข้างตัวเขา แต่กระนั้นเขายังคงเสี่ยงชีวิตกับปาฏิหาริย์ ความเป็นไปได้ที่ได้แต่คาดหวังอย่างเต็มที่แม้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง (TLN: คือหวังในหวังในหวังอีกที - -) ถ้าเช่นนั้นแล้วใครที่เขาจะฝาก (TLN: หรือแปลว่า มอบความรับผิดชอบ ไว้ใจ มอบหมาย) โอกาสนี้ไว้ให้?

(TLN: ยังคิดจะสู้กันอีกเหรอ = = อย่าว่าแต่สู้กับท่านไอนซ์เลย กองทัพ 500 ก็ยังสู้ไม่ได้ และยังมีเหล่าแพะน้อยผู้น่ารักอีก นี่ไม่นับพวกผู้พิทักษ์ชั้นกับประชากรของนาซาริกนะ แล้วที่เห็นตอนดวลกันนี่เห็นอะไร - ย้าาาาาาก กาเซฟพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ หนึ่งวิ(กี่วิไม่รู้ล่ะ)ถัดมา กาเซฟล้มลงอย่างช้าๆ พวกสองหน่อนี่เห็นอะไรกั้น?! เห็นกาเซฟพุ่งแล้วหน้าจมดินงี้หรา?)

เขาหัวเราะตัวเอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอาจจะเป็นกรณีนี้

ในกรณีนั้น . . . เขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ที่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าความคิดของกาเซฟคืออะไร

ขณะที่เบรนตกอยู่ในห้วงความคิด ไคลม์ถามคำถามเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถทนต่อความเงียบได้

". . . ถ้าผมไม่ได้ผิด ท่านสโตรนอฟไม่ยอมให้ตัวเขาถูกชุบชีวิต?"

"กาเซฟก็เป็นชายประเภทนั้น"

แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวทมนตร์ชุบชีวิต แต่มันไม่จำเป็นต้องหมายถึงคนตายจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ที่มีความสุขกับชีวิตของพวกเขา จะปฏิเสธการฟื้นคืนชีพกลับมา

"พระราชาดูเหมือนว่ายังไม่ยอมรับเรื่องนี้"

"ไม่แปลกใจ (TLN: หรือมันเป็นเรื่องที่คาดคิดได้) อย่างไรก็ตามหมอนั่นคงไม่กลับมา . . . ถึงอย่างนั้นมันก็น่าประหลาดใจทีเดียว"

"ใช่ครับ ผมไม่เข้าใจว่าท่านกาเซฟกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาควรจะกลับมามีชีวิตและสานต่อคำสำบานที่จะจงรักภักดีหรือครับ มันเป็นสิ่งที่ผมจะทำ"

"อย่างนั้นรึ สำหรับนาย ไคลม์ ชั้นก็คิดว่านายคงจะทำอย่างนั้น สำหรับชั้น . . . อย่านำชั้นกลับมาหลังจากที่ชั้นตายไปแล้ว ชั้นไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตของชั้นและ . . . ชั้นไม่คิดว่าจะทนรับมันได้อีกต่อไป"

"สำหรับผม ผมยังคงเลือกที่จะกลับมา ผมอยากบด (TLN: ทำงานให้หนักจน) ร่างกายนี้เป็นผุยผงเพื่อรับใช้ท่านราน่า ถ้าผมสามารถทำได้"

มีเพียงคนเดียวในราชอาณาจักรที่สามารถใช้เวทมนตร์ชุบชีวิตได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคาที่เธอจะขอนั้นจะสูงมากจนน่าตกใจ . . . แต่นั่นก็เป็นราคาของการขัดขืนความตาย

ระหว่างที่ปีศาจอาละวาด นักผจญภัยทั้งหมดโดยหลักการแล้วเป็นสมาชิกของทีมเดียวกัน ดังนั้นนั่นเป็นข้อยกเว้น แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ การชุบชีวิตจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก มันเป็นจำนวนเงินที่ทำให้ตาถลนได้เลย และประชาชนทั่วไปหรือทหารสามารถทำงานไปทั้งชีวิตแต่ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายได้ เหมือนกันสำหรับไคลม์

ท่านเจ้าหญิงของนายคงจะเต็มใจที่จะจ่ายมัน เบรนไม่ได้พูด แต่ตอบอย่างอื่นแทน

"งั้นเหรอ?"

ความเงียบตกลงมาใส่พวกเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เบรนทำลายมันก่อน

"ชั้นอยากจะเอาชนะหมอนั่นจริงๆ . . ."

ไคลม์ไม่ตอบ และเบรนก็ไม่ได้ต้องการให้เขาตอบเช่นกัน ไม่ หากเขาคิดเกี่ยวกับมันอย่างมีเหตุผล คำพูดเหล่านี้เปล่าประโยชน์กับไคลม์ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาต้องพูดมัน สิ่งทั้งหมดที่ได้สะสมทับถมภายในใจของเขา

"ในอดีตที่ผ่านมา ชั้นแพ้ให้กับเขา ดังนั้นชั้นเลยคิดว่าชั้นต้องการที่จะเอาชนะเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว . . . อ่าชั้นปล่อยให้เขาหลุดมือไป"

เบรนพูดขณะที่มองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

"เวรเอ้ย . . ."

". . . คุณเบรน"

ชั้นควรจะทำอะไร?

ชั้นควรจะทำอย่างไรเกี่ยวกับคำสั่งเสียของกาเซฟ?

(TLN: "ไม่ มันควรเป็นอย่างนี้ ชั้นสับสนอะไรเนี่ย? มันก็มีแค่สองทางเลือก มีความสัมพันธ์กัน(ในเชิงชู้สาว) หรือไม่มีความสัมพันธ์กัน . . . ไม่ใช่ละ)

"ไม่ มันควรเป็นอย่างนี้ ชั้นสับสนอะไรเนี่ย? มันก็มีแค่สองทางเลือก ทำมันต่อไป หรือไม่ทำมัน ชั้นต้องการที่จะ . . . ได้รับชัยชนะ? อาห์ มันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย . . ."

สุดท้ายแล้ว ไม่ใช่ว่ามันมีเพียงแค่คำตอบเดียว?

ใบหน้าของเบรนสวมรอยยิ้มอันดุร้าย  (TLN: หรือแปลว่า รุนแรง โหดเหี้ยม ดุเดือด บ้าระห่ำ อำมหิต) และชู Razor's Edge ขึ้นไปที่ฟ้า

"ฮึ่ม! (TLN: เฮอะ เชอะ) ใครๆก็สามารถทำมันต่อได้หรืออะไรก็ช่างเถอะ!"

เบรนตะโกนลั่น จากก้นบึ้งของหัวใจ

"นายเลือกที่จะตาย! นายกล้าดียังไงถึงเลือกที่จะหนีไปง่ายๆอย่างนี้! ไปเสียใจในโลกหน้าซะ! ชั้น - ชั้นจะก้าวข้ามนายในวิธีของชั้นเอง! ไคลม์! พวกเราไปดื่มกัน! หาเหล้าองุ่นและไปสนุกกัน!"

เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขาไม่ต้องการแค่เพียงสืบทอดคำสั่งเสีย (TLN: หรือแปลว่า ความมุ่งมั่น ปณิธาน ความต้องการ) ของกาเซฟ ถ้าเขาทำอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาก็จะไม่สามารถเอาชนะกาเซฟได้

(TLN: นอกเหนือจากนั้น ในอนาคต เขาอาจจะจบลงด้วยการคิดถึงกาเซฟซ้ำไปมา . . . ไม่ใช่ละ)

นอกเหนือจากนั้น ในอนาคต เขาอาจจะจบลงด้วยการคิดทบทวนเรื่องของกาเซฟซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง แต่สำหรับตอนนี้ เขาสามารถปลดปล่อยตัวเองจากความกังวล (TLN: หรือแปลว่า ผ่อนคลายความกังวล หรือหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื่น หรืออื่นๆ) และลืมมันไปได้

เขาตบมือของเขาไปบนไหล่ของไคลม์ และก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น น้ำหนักที่เขาแบกรับดูเหมือนจะเบาลงแล้ว แม้จะแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


TLN: ถึงจะจบบทส่งท้าย ของเล่ม 9 แต่ยังไม่จบเล่มนะ ตอนหน้า บทใหม่ล่าสุด!
TLN: อาจมีการแปล เข้าใจ หรือใส่เนื้อหาผิดพลาดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
TLN: คอมเมนต์ด้านล่างได้โดยไม่ต้องมี account

Comments

Popular posts from this blog

Overlord Light Novel volume 10 (นิยายเล่ม 10) - สรุปเนื้อหา

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 13 (ส่วนที่ 0 - เวอร์ชั่นบ่น)

สปอยล์แบบจัดเต็ม อนิเมะ Overlord Season 03 Episode 12 (ส่วนที่ 2)